- จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ โดยวันนี้จีนมีกำหนดประกาศดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมจากสถาบันไฉซิน (Caixin Manufacturing PMI) ประจำเดือนตุลาคม ซึ่งคาดว่าจะประกาศออกมาที่ 53.0 จุด ทรงตัวเท่ากับเดือนก่อนหน้าที่ 53.0 จุด และอยู่ในแดนขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 หลังจากหดตัวในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะที่สหภาพยุโรป เยอรมนี และอังกฤษมีกำหนดประกาศดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (Manufacturing PMI) ประจำเดือนตุลาคมเช่นเดียวกัน ซึ่งคาดว่าจะประกาศออกมาที่ 54.4, 58.0 และ 53.3 จุด ตามลำดับ เป็นการขยายตัวขึ้นมากกว่าเดิมสำหรับสหภาพยุโรปและเยอรมนีจากเดือนก่อนหน้าที่ 53.7 และ 56.41 จุด ขณะที่อังกฤษนั้นคาดว่าจะลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ 54.1 จุด สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหราชอาณาจักรที่รุนแรงขึ้น ส่งผลให้ต้องใช้มาตรการปิดเมืองก่อนเป็นประเทศแรกในสหภาพยุโรป และรับแรงกดดันจากการเจรจา Brexit ที่ไม่คืบหน้าด้วย ด้านสหรัฐฯ มีกำหนดประกาศดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคอุตสาหกรรมจากสถาบัน ISM (ISM Manufacturing PMI) ประจำเดือนตุลาคมเช่นเดียวกัน โดยคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 55.8 จุด อยู่ในแดนขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ส่งสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
- กระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และพลังงานของเกาหลีใต้ เปิดเผยยอดการส่งออกประจำเดือนตุลาคมอยู่ที่ระดับ 44,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 3.6%YoY ขณะที่ยอดการนำเข้าอยู่ที่ 39,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 5.8%YoY เช่นเดียวกัน สืบเนื่องจากผลกระทบโควิด-19 ระลอกที่สองในหลายประเทศทั่วโลก โดยแม้ภาพรวมภาคการส่งออกจะหดตัว แต่สินค้ากลุ่มชิปคอมพิวเตอร์สามารถขยายตัวได้ 10.2%MoM ขยายตัวเป็นเดือนที่ 4 สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับยอดส่งออกรถยนต์และคอมพิวเตอร์ที่ขยายตัว 5.8% และ 5.0% ตามลำดับ โดยสินค้ากลุ่มชิปนั้นได้ผลประโยชน์จากการลงทุนของบริษัทจำนวนมากที่ลงทุนในเซิร์ฟเวอร์เพิ่มเติมเพื่อรองรับการปฏิบัติการในระบบคลาวด์สำหรับการทำงานจากบ้าน ขณะที่เมื่อแยกเป็นรายประเทศ มีเพียงการส่งออกไปยังสหรัฐฯ และยุโรปเท่านั้นที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.3% และ 9.5% ตามลำดับ ขณะที่คู่ค้ารายใหญ่อย่างประเทศจีนหดตัว 5.7% และยอดส่งออกไปยังญี่ปุ่นหดตัว 19.2%
- วันศุกร์ที่ผ่านมา ศาลแขวงสหรัฐฯ ในเพนซิลเวเนียสั่งให้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ระงับการแบน TikTok แอปพลิเคชันชื่อดังจากจีนในการให้บริการโฮสติ้งและดาวน์โหลดในสหรัฐฯ ส่งผลให้ความพยายามคว่ำบาตร TikTok ก่อนหน้านี้ต้องยุติลง โดยทรัมป์พยายามคว่ำบาตรเนื่องจากกังวลด้านความมั่นคง
- วันศุกร์ที่ผ่านมา โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แถลงว่าจะตัดสิทธิพิเศษทางการค้าสำหรับสินค้าบางรายการของประเทศไทยภายใต้ระบบสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (GSP) ครอบคลุมสินค้าจำพวกอาหารทะเลบางชนิด ผลไม้ ผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์บางชนิด มูลค่ากว่า 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยให้เริ่มต้นมีผลวันที่ 30 ธันวาคมนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ให้เหตุผลในการตัดสินใจดังกล่าวว่าเนื่องจากประเทศไทยไม่ให้ความมั่นใจว่าจะเปิดโอกาสให้สหรัฐฯ เข้าถึงตลาดประเทศไทยอย่างเท่าเทียม รวมไปถึงประเด็นการปกป้องสิทธิแรงงานในประเทศไทยที่ยังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร
- ชองเซกยุน นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ ประกาศใช้มาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมเพิ่มเติม หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในเกาหลีใต้แตะระดับ 100 คนเป็นเวลา 5 วันต่อเนื่อง สร้างความกังวลว่าอาจเกิดการแพร่ระบาดระลอกที่สามได้ โดยมาตรการดังกล่าวนั้นแบ่งออกเป็น 5 ระดับ เพิ่มเติมความเข้มข้นของการรักษาระยะห่างขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่มีเพียง 3 ระดับ เพื่อลดผลกระทบต่อธุรกิจทั่วไป โดยเฉพาะร้านค้าและร้านอาหารที่อาจต้องปิดตัวหากเกิดการปิดเมืองขึ้นอีกครั้ง
ภาวะตลาดเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
- ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวร่วงแรง แม้ตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 3 จะออกมาแข็งแกร่งก็ตาม แต่ตลาดได้รับแรงกดดันจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ยังเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในสหรัฐฯ รวมทั้งนักลงทุนจับตาการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จัดขึ้นในวันที่ 3 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้ สวนทางกันกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยหลังถูกเทขายอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา แต่ตลาดได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 3 และตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาแข็งแกร่ง รวมทั้งความคาดหวังที่ ECB จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ๆ เพื่อช่วยลดความกังวลที่เศรษฐกิจจะซบเซาและเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างรุนแรงได้
- สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลงจากความกังวลว่าปริมาณความต้องการใช้น้ำมันลดลงหลังจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ยังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ และอาจก่อให้เกิดภาวะน้ำมันล้นตลาดได้ ด้านสัญญาทองคำปรับตัวขึ้นหลังถูกเทขายอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา แต่ได้แรงหนุนจากความกังวลสถานการณ์โรคระบาดที่ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงดังกล่าว
สหรัฐฯ
- Dow Jones อยู่ที่ 26,501.6 ลดลง 157.51 (-0.59%)
- S&P 500 อยู่ที่ 3,269.96 ลดลง 40.15 (-1.21%)
- Nasdaq อยู่ที่ 10.911.59 ลดลง 274 (-2.45%)
ยุโรป
- DAX อยู่ที่ 11,556.48 ลดลง 41.59 (-0.36%)
- FTSE 100 อยู่ที่ 5,577.27 ลดลง 4.48 (-0.08%)
- Euro Stoxx 50 อยู่ที่ 2,958.21 ลดลง 1.82 (-0.06%)
- FTSE MIB อยู่ที่ 17,943.11 เพิ่มขึ้น 70.83 (+0.4%)
เอเชีย
- Nikkei 225 อยู่ที่ 22,977.13 ลดลง 354.81 (-1.52%)
- S&P/ASX 200 อยู่ที่ 5,927.6 ลดลง 32.7 (-0.55%)
- Shanghai อยู่ที่ 3,224.53 ลดลง 48.19 (-1.47%)
- SZSE Component อยู่ที่ 13,236.6 ลดลง 283.06 (-2.09%)
- China A50 อยู่ที่ 15,724.42 ลดลง 211.65 (-1.33%)
- Hang Seng อยู่ที่ 24,107.42 ลดลง 479.18 (-1.95%)
- Taiwan Weighted อยู่ที่ 12,546.34 ลดลง 116.57 (-0.92%)
- SET อยู่ที่ 1,194.95 ลดลง 6.69 (-0.56%)
- KOSPI อยู่ที่ 2,267.15 ลดลง 59.52 (-2.56%)
- IDX Composite อยู่ที่ 5,128.23 ลดลง 15.82 (-0.31%)
- BSE Sensex อยู่ที่ 39,614.07 ลดลง 135.78 (-0.34%)
- PSEi Composite อยู่ที่ 6,324 เพิ่มขึ้น 74.61 (+1.19%)
Commodity
- ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 35.77 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 0.4 (-1.11%)
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ อยู่ที่ 37.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 0.19 (-51%)
- ราคาทองคำ อยู่ที่ 1,877.95 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 10.82 (+0.6%)
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
- Infoquest
- Bloomberg
- Investing
- CNBC
- Reuters