×

GDP ไทยไตรมาส 4/62 ขยายตัวเพียง 1.6%, WTO เตือนไวรัสโคโรนากระทบการค้าทั่วโลก: 5 ปัจจัยที่นักลงทุนต้องรู้ (18 ก.พ. 2563)

โดย FINNOMENA
18.02.2020
  • LOADING...
  • GDP ไทยต่ำ คาดขยายตัว 1.6% สภาพัฒน์ฯ เผยตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 4 ขยายตัว 1.6% ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 2.1% ส่งผลให้ตัวเลข GDP ของทั้งปี 2562 ขยายตัวที่ 2.4% ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 2.6% นอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่า GDP ปี 2563 จะขยายตัวที่ 1.5-2.5% ลดลงจากคาดการณ์ก่อนหน้าที่ 2.7-3.7%

 

  • ทางการจีนออกมาตรการกระตุ้นหนุนตลาดหุ้นจีนบวกกว่า 2% โดยวานนี้รัฐบาลจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อรับมือกับผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ประกอบด้วย 1. การปรับลดอัตราดอกเบี้ย MLF ลง 0.10% มาที่ระดับ 3.15% เป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2017 พร้อมเพิ่มเงินกู้เข้าระบบอีก 200,000 ล้านหยวน หรือประมาณ 29,000 ล้านดอลลาร์ 2. เพิ่มสภาพคล่องผ่านตลาดรับซื้อคืนพันธบัตรอายุ 7 วัน (7-day repo) อีก 100,000 ล้านหยวน 3. ปรับลดอัตราดอกเบี้ย MLF ทำให้อัตราดอกเบี้ย LPR ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ปรับตัวลดลง ช่วยลดแรงกดดันต่อต้นทุนทางการเงินในการทำธุรกิจ

 

  • เยอรมนีมีกำหนดเปิดเผยตัวเลข ZEW Economic Sentiment เดือนกุมภาพันธ์ คาดการณ์ไว้ที่ 21.5 จุด ลดลงจากเดือนก่อนหน้าซึ่งเปิดเผยออกมาที่ 26.7 จุด ส่วนภูมิภาคยุโรปจะเปิดเผยตัวเลข ZEW Economic Sentiment เดือนกุมภาพันธ์เช่นเดียวกัน โดยคาดการณ์ไว้ที่ 30.0 จุด เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ 25.6 จุด

 

  • Apple Inc. แถลงการณ์ว่า รายได้ในไตรมาส 2/2563 ตามปีงบการเงินของบริษัทอาจไม่เป็นไปตามเป้า สืบเนื่องจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในจีน โดยทาง Apple ระบุว่า การผลิต iPhone สะดุดจากที่ทางการจีนปิดโรงงานต่างๆ ในประเทศ โดยแผนการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่อาจถูกเลื่อนออกไป เนื่องจากทางการจีนไม่อนุญาตให้จัดกิจกรรมต่างๆ ในประเทศในช่วงนี้ 

 

  • องค์การการค้าโลก (WTO) เตือนไวรัสโคโรนาอาจส่งผลร้ายกว่าที่คิด ขณะที่การค้าทั่วโลกยังคงอ่อนแออย่างต่อเนื่อง โดยก่อนหน้านี้มีเรื่องภาษีเข้ามาฉุดการค้าทั่วโลก ซ้ำร้ายยังถูกซ้ำเติมจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาอีกที ทั้งนี้ดัชนีวัดการค้าสินค้าโลกนั้น แตะที่ระดับ 95.5 ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งลดลงเมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายนที่ระดับ 96.6 ซึ่งดัชนีดังกล่าวแตะที่ต่ำกว่าระดับ 100 สะท้อนให้เห็นว่าการขยายตัวของการค้าทั่วโลกยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าในช่วงที่ผ่านมา

 

สรุปภาพรวมตลาดวานนี้

  • ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตและดัชนีฮั่งเส็งปรับตัวขึ้นแรง หลังทางการจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาทำพิษ โดยทางรัฐบาลระบุว่าจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ GDP โตตามเป้าที่ 6% สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวขึ้นเช่นกันจากแรงหนุนดังกล่าวและผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ อาทิ หุ้นโฟเรอเซียพุ่งขึ้น 6.53% และ หุ้นมิชลินของฝรั่งเศสพุ่งขึ้น 3.17% เป็นต้น ด้านดัชนีนิกเกอิปรับตัวลงหลังการเปิดเผยตัวเลข GDP ออกมาหดตัวอย่างหนัก ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มเทขายหุ้นที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงออกมา

 

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการ

 

ยุโรป

  • DAX ปิดที่ 13,783.89 จุด เพิ่มขึ้น +39.68 จุด (+0.29%)
  • FTSE 100 ปิดที่ 7,433.25 จุด เพิ่มขึ้น +24.12 จุด (+0.33%)
  • Euro Stoxx 50 ปิดที่ 3,853.27 จุด เพิ่มขึ้น +12.30 จุด (+0.32%)
  • FTSE MIB ปิดที่ 25,120.54 จุด เพิ่มขึ้น +253.53 จุด (+1.02%)

 

เอเชีย

  • Nikkei 225 ปิดที่ 23,523.24 จุด ลดลง -164.35 จุด (-0.69%)
  • S&P/ASX 200 ปิดที่ 7,125.10 จุด ลดลง -5.10 จุด (-0.07%)
  • Shanghai ปิดที่ 2,983.62 จุด เพิ่มขึ้น 66.61 จุด (+2.28%)
  • SZSE Component ปิดที่ 11,241.50 จุด เพิ่มขึ้น 325.19 จุด (+2.98%)
  • China A50 ปิดที่ 13,859.23 จุด เพิ่มขึ้น 212.30 จุด (+1.56%)
  • Hang Seng ปิดที่ 27,893.50 จุด เพิ่มขึ้น 167.90 จุด (+0.60%)
  • Taiwan Weighted ปิดที่ 11,763.51 จุด ลดลง 52.19 จุด (-0.44%)
  • SET ปิดที่ 1,527.25 จุด เพิ่มขึ้น +0.95 จุด (+0.06%)
  • KOSPI ปิดที่ 2,242.17 จุด ลดลง -1.42 จุด (-0.06%)
  • IDX Composite ปิดที่ 5,867.52 จุด (+0.17%)
  • BSE Sensex ปิดที่ 41,055.69 จุด ลดลง 202.05 จุด (-0.49%)
  • PSEi Composite ปิดที่ 7,326.68 จุด เพิ่มขึ้น +20.53 จุด (+0.28%)

 

Commodity

  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดที่ 52.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -0.15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (-0.28%)
  • ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ปิดที่ 57.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (+0.54%)
  • ราคาทองคำปิดที่ 1,584.27 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพิ่มขึ้น 1.28 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (+0.08%)

 

 

อ้างอิง: 

  • Infoquest
  • Bloomberg
  • Investing
  • CNBC
  • Reuters
  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising