×

ผลสำรวจ FETCO ชี้ ความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาลฉุดตลาดหุ้นไทยหนักสุด กดความเชื่อต่างชาติร่วงแรง

10.08.2023
  • LOADING...

FETCO เผย ดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศลดลง 33.3% ผลสำรวจยังชี้ด้วยว่า ความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาลฉุดตลาดหุ้นไทยหนักที่สุด

 

กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ผลสำรวจในเดือนกรกฎาคม 2566 (สำรวจระหว่างวันที่ 20-31 กรกฎาคม 2566) พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index: ICI) ในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 83.45 ปรับขึ้นเล็กน้อย 2.2% จากเดือนก่อนหน้าอยู่ในเกณฑ์ ‘ทรงตัว’ โดยนักลงทุนมองว่า การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งจะเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด 

 

รองลงมาคือการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวและการไหลเข้าของเงินทุน สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นของนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ ความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาล รองลงมาคือการประกาศจะจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ (Financial Transaction Tax: FTT) และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง: 


 

ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) สำรวจในเดือนกรกฎาคม 2566 ได้ผลสำรวจโดยสรุป ดังนี้ 

 

  • ดัชนีความเชื่อมั่นรวมทุกกลุ่มนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (ตุลาคม 2566) อยู่ในเกณฑ์ ‘ทรงตัว’ (ช่วงค่าดัชนี 80-119) ปรับขึ้นเล็กน้อย 2.2% จากเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 83.45

 

  • ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนบุคคล กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ และกลุ่มนักลงทุนสถาบัน อยู่ในเกณฑ์ ‘ทรงตัว’ ในขณะที่ความเชื่อมั่นกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศอยู่ในเกณฑ์ ‘ซบเซา’

 

  • หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุดคือ หมวดท่องเที่ยวและสันทนาการ (TOURISM)

 

  • หมวดธุรกิจที่ไม่น่าสนใจมากที่สุดคือ หมวดธนาคาร (BANK)

 

  • ปัจจัยหนุนที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุดคือ การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง

 

  • ปัจจัยฉุดที่มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นไทยมากที่สุดคือ ความไม่แน่นอนในการจัดตั้งรัฐบาล

 

ขณะที่ผลสำรวจ ณ เดือนกรกฎาคม 2566 รายกลุ่มนักลงทุน ยังพบว่า มีเพียงความเชื่อมั่นนักลงทุนต่างประเทศปรับลดลง 33.3% อยู่ที่ระดับ 66.67 ในขณะที่กลุ่มอื่นปรับเพิ่มขึ้น โดยนักลงทุนบุคคลปรับเพิ่ม 42.7% อยู่ที่ระดับ 93.94 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับเพิ่ม 125.0% อยู่ที่ระดับ 112.5 และกลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับเพิ่ม 16.7% อยู่ที่ระดับ 100.00 

 

สำหรับ SET Index ผันผวนตลอดเดือนกรกฎาคม 2566 จากปัญหาเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งที่ไม่มีความชัดเจนและยังไม่สามารถเสนอชื่อผู้ที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ อีกทั้งแรงขายสุทธิต่อเนื่องของกลุ่มนักลงทุนต่างชาติและประมาณการการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2566 ถูกปรับลดลงจาก 3.6% ของ GDP ที่คาดการณ์ไว้ในเดือนเมษายน มาอยู่ที่เฉลี่ย 3.5% สาเหตุจากการคาดการณ์รายได้นักท่องเที่ยวลดลง 

 

รวมทั้งการส่งออกชะลอตัวลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ของปีนี้ โดย SET Index ณ สิ้นเดือนกรกฎาคม 2566 ปิดที่ 1,556.06 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.5% จากเดือนก่อนหน้า ปริมาณซื้อ-ขายเฉลี่ยต่อวันในเดือนกรกฎาคม 2566 อยู่ที่ 46,002 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติยังคงขายสุทธิกว่า 12,558 ล้านบาทต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 ของปีนี้ โดยตั้งแต่ต้นปี 2566 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิรวมกว่า 118,181 ล้านบาท 

 

ปัจจัยต่างประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ นโยบายการเงินของ Fed ที่คาดว่าจะยังไม่ลดดอกเบี้ยในเร็ววันนี้ เนื่องจากโอกาสในการเติบโตของเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อาจทำให้เงินเฟ้อปรับตัวขึ้นสูงอีกครั้ง รวมถึงภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนซึ่งอาจกระทบภาคการส่งออกและท่องเที่ยวของไทย 

 

ในส่วนของปัจจัยในประเทศที่น่าติดตาม ได้แก่ การเลือกนายกรัฐมนตรีและการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งหากล่าช้าจะกระทบต่อเศรษฐกิจและงบประมาณปี 2567 ความขัดแย้งทางการเมืองหลังการเลือกตั้งที่อาจนำไปสู่การก่อความไม่สงบ การชะลอตัวของภาคการส่งออกที่อาจได้รับผลกระทบจากแนวโน้มการแข็งค่าของค่าเงินบาท และจากการที่ภาวะเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้ายังคงซบเซาจากแรงกดดันด้านอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงสถานการณ์ภาคท่องเที่ยวในประเทศที่อาจไม่โตเท่าที่คาดการณ์ไว้

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising