อุตสาหกรรมค้าปลีกได้รับผลกระทบจากการระบาดครั้งใหญ่ของโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้ก่อให้เกิดวิกฤตในอุตสาหกรรม ‘ลักชัวรีและแฟชั่น’
การสำรวจที่จัดทำโดย McKinsey & Company และ Business of Fashion ระบุว่า แม้ผู้บริโภคหยุดช้อปปิ้งในร้านค้าออฟไลน์และหันมาซื้อสินค้าในออนไลน์ก็จริง แต่การซื้อก็เป็นไปอย่างระมัดระวัง นั่นทำให้ธุรกิจลักชัวรีและแฟชั่นอยู่ในภาวะ ‘ไม่มั่นคง หรือ ‘ไร้ทิศทาง’ ซึ่งอาจทำให้รายได้ทรุดลง 30% ในปีนี้
ตามรายงานที่สำรวจผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้กว่า 1,400 คน พบว่า ผู้ผลิตและร้านค้าในกลุ่มสินค้าหรูหราจะเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คาดว่ายอดขายจะลดลงมากถึง 40%
นั่นเองทำให้พนักงานที่อยู่ในธุรกิจลักชัวรีและแฟชั่นกำลังเผชิญกับ ‘ความยากลำบากและการขาดรายได้’ พนักงานหลายแสนคนต้องหยุดการทำงานเนื่องจากร้านต้องปิดตัวลงชั่วคราว และโรคระบาดทำให้นักลงทุนและผู้บริโภคอยู่ในภาวะหวาดกลัว
รายงานเตือนว่า 80% ของบริษัทที่ทำการสำรวจคาดว่า จะประสบปัญหาทางการเงินในปีนี้ และคาดการณ์ว่าจะมีธุรกิจจำนวนมากล้มละลายภายใน 18 เดือนหากร้านค้ายังต้องปิดอยู่ เนื่องจากรัฐบาลของประเทศต่างๆ ได้ออกคำสั่งปิดธุรกิจที่ไม่จำเป็นเพื่อหยุดการแพร่กระจายของโควิด-19
การปิดร้านค้าส่งผลให้มี ‘โดมิโน เอฟเฟกต์’ ตามมาในส่วนที่เหลือของอุตสาหกรรม เนื่องจากคำสั่งซื้อต่างๆ ถูกยกเลิก ส่งผลกระทบต่อคนงานนับล้านคนในอุตสาหกรรมการตัดเย็บเสื้อผ้า โดยเฉพาะประเทศอย่างบังกลาเทศ อินเดีย และกัมพูชา จะเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด
และหากร้านค้าปลีกและบริษัทแฟชั่นที่ต้องการจะอยู่รอด รายงานแนะนำว่า จะต้องเตรียมมาตรการที่เข้มข้นและรวดเร็วเพื่อพยุงธุรกิจตัวเองจากแนวโน้มภาวะถดถอย
นอกจากนี้มีการประเมินว่า ลูกค้ามีแนวโน้มที่จะเอนเอียงไปหาสินค้าที่มีส่วนลดและร้านค้าราคาถูกมากขึ้น ดังนั้นการสร้างแบรนด์ในช่องทางดิจิทัลเป็นเรื่องที่ควรทำอย่างเร่งด่วนหลังจากที่ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติแล้ว
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
