×

รวมเรื่องราวน่ารู้ก่อนดู F1 ฤดูกาล 2024

29.02.2024
  • LOADING...
ฤดูกาล 2024

ศึก F1 ฤดูกาลที่ 75 ในประวัติศาสตร์ใกล้จะเปิดฉากกันอย่างเต็มที่แล้วหลังจากการทดสอบรถครั้งสุดท้ายเสร็จสิ้นลงไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นั่นหมายความว่าศึกรถสูตรหนึ่งชิงแชมป์โลกจะเปิดฉากฤดูกาลใหม่กันในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ในศึกบาห์เรน กรังด์ปรีซ์ ที่สนามบาห์เรน อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต ประเทศบาห์เรน

 

เพื่อเป็นการต้อนรับการกลับมาของศึก F1 ฤดูกาลใหม่ THE STANDARD ก็อยากจะรวบรวมทุกเรื่องราวน่ารู้ เพื่อตอบทุกคำถามก่อนฤดูกาลนี้จะเปิดฉาก ไม่ว่าจะเป็น F1 ฤดูกาลนี้แข่งเมื่อไร, แข่งขันกี่สนาม, ใครแข่งขันบ้าง, สนามใหม่กี่สนาม, ที่ไหนบ้าง หรือต่างจากปีก่อนอย่างไร?

 

ไลน์อัพนักขับ

 

 

แฟนขาประจำของศึก F1 อาจจะไม่ต้องปวดหัวกับรายชื่อนักขับในปีนี้มากนัก เพราะหากกล่าวโดยสรุปแล้ว รายชื่อนักขับในปีนี้ของศึก F1 ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่คนเดียว!

 

นี่นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของศึก F1 ที่นักขับทั้งหมดจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากการลงสนามในรอบสุดท้ายของฤดูกาลก่อนที่อาบูดาบี กรังด์ปรีซ์ จนมาถึงการแข่งขันสนามแรกในฤดูกาลใหม่อย่างบาห์เรน กรังด์ปรีซ์ โดยนักขับทั้ง 20 คน จะได้กลับมาอยู่ในกริดสตาร์ทของสนามแรกปีนี้ทั้งหมด (หากไม่มีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นในการซ้อม)

 

และเมื่อไม่มีการเปลี่ยนแปลงใน 20 ตำแหน่งเก้าอี้ดนตรีของศึก F1 ทุกทีมจึงยังพยายามรักษานักขับที่เป็นตัวสำรองของทีมตัวเองเอาไว้เป็นอย่างดีเช่นกัน เพราะอุบัติเหตุในศึก F1 เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้เสมอ และบทเรียนที่เกิดขึ้นกับทีมอัลฟาทอรีเมื่อปีก่อน ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นวีซ่าแคชแอปอาร์บี ฟอร์มูลาวัน ที่ต้องเสีย แดเนียล ริคเคียร์โด ไประหว่างฤดูกาล ก็ทำให้ทุกทีมตระหนักถึงความสำคัญของตัวสำรองมากขึ้นกว่าเดิม

 

นักขับสำรองอย่าง เลียม ลอว์สัน ที่ลงมาทำหน้าที่แทน ‘แดนี ริค’ ระหว่างที่เขาได้รับบาดเจ็บในฤดูกาลก่อน ยังคงสแตนด์บายให้กับวีซ่าแคชแอปอาร์บี เช่นเดียวกับ ธีโอ พัวร์แชร์ ที่ยังคงอยู่กับทีมสเทก F1 หรืออัลฟา โรเมโอ เดิม แม้ทีมมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เพื่อเดินหน้าเข้าสู่ยุคใหม่ของอาวดี้ในปี 2026

 

ส่วน ฟิลิเป ดรูโกวิช ก็ยังคงนั่งตำแหน่งสำรองให้กับทีมแอสตัน มาร์ติน เช่นเดียวกับ มิค ชูมัคเกอร์ ลูกชายของนักขับระดับตำนานอย่าง มิชาเอล ชูมัคเกอร์ ก็ยังคงทำหน้าที่ให้กับเมอร์เซเดส F1 ยกเว้นแต่เพียงแค่ อเล็กซ์ ปาลู ที่ตัดสินใจยุติความสัมพันธ์กับแม็คลาเรน โดยทีมสัญชาติอังกฤษได้ทดแทนช่องว่างของเขาด้วยนักขับนาสคาร์อย่าง ปาโต โอวาร์ด และผู้ชนะในเลอมังส์ 24 ชั่วโมง อย่าง เรียว ฮิราคาวะ

 

สำหรับแฟนๆ หลายคนที่ยังคิดถึงการแย่งชิงตำแหน่งที่นั่งในศึก F1 ช่วงปิดฤดูกาล ก็ไม่ต้องเสียใจไป เพราะแม้ในฤดูกาลนี้ที่นั่งทั้งหมดยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่ในฤดูกาลหน้า ทุกคนก็จะได้เสพความบันเทิงครั้งใหญ่จากการแย่งชิงที่นั่งในศึก F1 อย่างแน่นอน หลัง เซอร์ลูอิส แฮมิลตัน ยืนยันการย้ายทีมจากเมอร์เซเดสไปเฟอร์รารี แต่ในปีนี้พายุลูกนั้นยังมาไม่ถึง และอยู่ห่างไกลเกินกว่าจะพูดถึงในตอนนี้

 

ทีมผู้ผลิต

 

 

ในส่วนของทีมผู้ผลิต สามารถพูดได้คล้ายกับเป็นชื่อเพลงของวง Getsunova ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง เพราะแม้บางทีมจะมีการเปลี่ยนแปลงในส่วนของชื่อทีมและภาพลักษณ์ต่างๆ แต่ในส่วนของนักขับก็ยังคงเป็นคนเดิมแบบที่ได้เรียนให้ทราบไปแล้ว

 

ต้องเกริ่นก่อนว่าตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา มีกระแสข่าวว่า F1 ต้องการขยายแฟรนไชส์เพื่อให้มีทีมที่ 11 มาร่วมการแข่งขันในปีถัดๆ ไป โดยเรื่องนี้กลายเป็นประเด็นร้อนที่มีการพูดถึงอย่างร้อนแรงในการแข่งขันกีฬาชนิดนี้ แต่จากปฏิกิริยาทั้งหมดดูเหมือนว่าการขยายทีมที่ 11 ของ F1 ยังห่างไกลจากความเป็นจริง

 

อย่างไรก็ตาม มี 2 ทีมที่จะร่วมการแข่งขันในศึก F1 ฤดูกาลนี้ด้วยชื่อใหม่ที่แตกต่างออกไป เริ่มจากทีมลูกของเรดบูลล์อย่างอัลฟาทอรี ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นวีซ่าแคชแอปอาร์บี ฟอร์มูลาวัน หรืออาจจะเรียกสั้นๆ ว่าอาร์บี หากตัดรายชื่อผู้สนับสนุนทั้งหมดออก

 

อีกทีมก็เกิดขึ้นกับอัลฟา โรเมโอ ที่ได้ก้าวออกจากการแข่งขัน F1 เป็นครั้งที่ 3 ในประวัติศาสตร์ เพื่อส่งต่อทีมให้กับอาวดี้ในปี 2026 โดยระหว่างนั้นพวกเขาจะใช้ชื่อว่าคิก เซาเบอร์ สเทก F1 เพราะได้รับการสนับสนุนจาก Kick และยังใช้แชสซีของเซาเบอร์อยู่เหมือนเดิม

 

แต่อย่างไรก็ตาม นักขับของทั้ง 2 ทีม ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างที่ได้เรียนไปแล้วในข้างต้น ทำให้นี่จึงเป็นที่มาของการเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างที่ได้เกริ่นไว้นั่นเอง

 

ทีมบอส

 

 

ทีมบอส หรือ Team Principals นั้นต่างออกไปจากนักขับอย่างชัดเจน เพราะจาก 10 ทีมในศึก F1 ปี 2023 มาในปี 2024 มีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งทีมบอสมากถึง 3 คน

 

เริ่มต้นจากทีมอาร์บีที่มีการแยกทางกับ ฟรานซ์ ทอสซ์ ที่เป็นผู้นำทีมมาตั้งแต่ปี 2005 นับตั้งแต่เรดบูลล์ซื้อทีมมากจากมินาร์ดี โดยแทนที่ตำแหน่งของเขาด้วย โลรองต์ เมกีส์ อดีตผู้อำนวยการด้านกีฬาจากทีมเฟอร์รารี

 

เมกีส์คุ้นเคยกับทีมอาร์บีอยู่บ้าง เพราะเขาเคยทำงานเป็นวิศวกรด้านการแข่งขันที่มินาร์ดี ก่อนที่จะโดนเทกโอเวอร์โดยเรดบูลล์ในปี 2005 และมารับตำแหน่งเป็นหัวหน้าวิศวกรของทีมโตโร รอสโซ ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนชื่อเป็นอัลฟาทอรี

 

ทีมต่อมาที่มีการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าทีมคืออัลพีน ซึ่งในรายนี้อาจจะเรียกว่าเปลี่ยนแปลงไม่ได้เต็มปาก เพราะ บรูโน ฟาแม็ง เข้ามารับตำแหน่งนี้เป็นการชั่วคราวหลังจากเบลเยียม กรังด์ปรีซ์ เมื่อฤดูกาลก่อน และหลังจากที่ อ็อตมาร์ ชาฟนอยเออร์ หัวหน้าทีมพ้นจากตำแหน่ง

 

ในตอนแรกเชื่อกันว่าฟาแม็งจะมารับตำแหน่งเป็นการชั่วคราว แต่ผลจากการทำหน้าที่ในช่วงปลายฤดูกาล ทำให้เก้าอี้ของเขายังคงอยู่ที่เดิมและเขาจะได้ไปต่อในฤดูกาลนี้

 

ขณะที่คนสุดท้ายคือ อายาโอะ โคมัตสึ แห่งฮาส F1 ที่เข้ามารับตำแหน่งหลังจากการแยกทางของทีมกับ กุนเธอร์ สไตเนอร์ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

 

เขาร่วมงานกับทีมฮาสมาตั้งแต่เปิดตัว F1 ในปี 2016 โดยทำหน้าที่เป็นหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการข้างสนามแข่ง และได้รับการโปรโมตขึ้นมาหลังการจากไปของสไตเนอร์ ที่ปัจจุบันไปรับงานเป็นนักวิเคราะห์ทาง TV ของเยอรมนีเรียบร้อยแล้ว

 

สนามแข่งขัน

 

 

ในปี 2024 จะมีการจัดการแข่งขันในศึก F1 ทั้งหมด 24 สนาม ซึ่งมากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดย 23 สนามจะเป็นรายการเดียวกับที่วางแผนไว้ในการแข่งขันฤดูกาลก่อน แต่ที่เพิ่มมา 1 สนามก็ไม่ใช่น้องใหม่ หากแต่เป็นไชนีส กรังด์ปรีซ์ ที่จะกลับมาจัดการแข่งขันกันอีกครั้ง โดยนี่นับเป็นครั้งแรกที่จะมีการแข่งขันที่จีนนับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 นั่นหมายความว่า โจวกวนยู จะได้ลงแข่งขันในโฮมเรซของตัวเองเป็นครั้งแรกในเดือนเมษายนนี้ด้วย

 

ขณะที่อีกสนามที่ต้องพูดถึงคือเอมิเลีย โรมันญา กรังด์ปรีซ์ ในอิโมลา ประเทศอิตาลี ที่ปีก่อนถูกยกเลิกไปเนื่องจากอุทกภัยในช่วงก่อนการแข่งขัน ก็จะกลับสู่ปฏิทินการแข่งขันในเดือนพฤษภาคมอีกครั้ง

 

โดยนี่นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2019 ที่จะไม่มีการกรังด์ปรีซ์เพิ่มในฤดูกาลใหม่ หลังจากที่มีการเพิ่มกรังด์ปรีซ์ของกาตาร์, ไมอามี และลาสเวกัส ในช่วงสามฤดูกาลที่ผ่านมา

 

อีกเรื่องที่น่าสนใจคือ หลังจากปีก่อนที่ลาสเวกัส กรังด์ปรีซ์ ถูกจัดขึ้นในวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1985 ที่ในปีนี้จะมีการแข่งขันในวันเสาร์เพิ่มเป็น 3 รายการ ได้แก่ เรซเปิดฤดูกาลที่บาห์เรน กรังด์ปรีซ์ ต่อด้วยซาอุดีอาระเบียน กรังด์ปรีซ์ และเจแปนิส กรังด์ปรีซ์

 

โดยฤดูกาลนี้จะสิ้นสุดอีกครั้งในอาบูดาบี แต่จะสิ้นสุดในต้นเดือนธันวาคมเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2021

 

ขณะที่สปรินท์เรซในปีนี้จะมีด้วยกัน 6 สนาม โดยมี 2 สนามใหม่ที่จะได้จัดการแข่งขันแบบสปรินท์เรซเป็นครั้งแรก ได้แก่ ไชนีส กรังด์ปรีซ์ และไมอามี กรังด์ปรีซ์ ส่วนอีก 4 สนามล้วนเคยจัดการแข่งขันในฟอร์แมตนี้มาแล้วในปี 2023 ซึ่งได้แก่ ออสเตรียน กรังด์ปรีซ์, ยูเอส กรังด์ปรีซ์, เซาเปาโล กรังด์ปรีซ์ และกาตาร์ กรังด์ปรีซ์

 

กฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงไป

 

 

เช่นเดียวกับฤดูกาลที่แล้ว กฎระเบียบทางเทคนิคส่วนใหญ่จะยังคงเดิมอยู่ ทำให้ทีมเรดบูลล์กล่าวด้วยความมั่นใจในตอนที่เปิดตัวรถรุ่น RB20 ว่าพวกเขาคาดหวังว่าการลุ้นแชมป์โลกในปีนี้จะมีความเข้มข้นมากกว่าปีก่อนที่พวกเขาฉีกคู่แข่งแบบขาดลอย

 

อย่างไรก็ตาม มีกฎบางข้อที่ถูกปรับเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักแข่งมากขึ้น และทำให้พวกเขาต้องทนทุกข์กับความไม่สบายกายและเสี่ยงต่ออาการเจ็บป่วยน้อยลง โดยสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ หรือ FIA ได้ปรับเปลี่ยนกฎระเบียบทางเทคนิคสำหรับฤดูกาลนี้ เพื่ออนุญาตให้ทีมติดตั้งสิ่งที่เรียกว่า ‘โพงระบายความร้อนสำหรับผู้ขับขี่’ ในสนามกาตาร์ กรังด์ปรีซ์ เพื่อช่วยกระจายอากาศที่เคลื่อนที่ผ่านรถไปยังห้องนักขับ ส่งผลให้อากาศรอบตัวนักขับจะเย็นยิ่งขึ้น

 

อีกส่วนที่มีการพูดถึงกันมากคือการกลับมาของฝาครอบล้อที่ทาง FIA เชื่อว่าจะสามารถช่วยลดการกระจายของน้ำและความชื้นจากพื้นให้ไปสู่ห้องนักขับได้ และจะช่วยสร้างความปลอดภัยในการแข่งขันเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ในส่วนของยาง ผู้สนับสนุนยางอย่าง Pirelli ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการทดสอบยางเฉพาะกับทีมงานในฤดูกาลนี้เป็นเวลา 40 วัน และเพิ่มอีก 4 วัน สำหรับการทดสอบยางในสภาพอากาศเปียกชื้นโดยเฉพาะ

 

ขณะที่การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ FIA ได้เพิ่มค่าปรับสูงสุดที่สามารถนำไปใช้กับทีมและนักแข่งในฤดูกาลนี้หากมีการทำผิดเกิดขึ้น โดยก่อนหน้านี้อนุญาตให้มีการปรับสูงสุดอยู่ที่ 250,000 ยูโร หรือราว 9.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอีก 4 เท่าเป็น 1 ล้านยูโร หรือราว 39 ล้านบาทเลยทีเดียว

 

ส่วนแฟนๆ ก็ถูกจำกัดการนำพลุแฟร์เข้าไปในสนามอย่างเข้มงวด หลังจากมีการจุดพลุขึ้นหลายครั้งบนอัฒจันทร์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาที่สนามในออสเตรียและเนเธอร์แลนด์ โดย FIA ได้สั่งห้ามแฟนๆ นำอุปกรณ์พลุไฟทุกชนิดเข้าไปในสนามตั้งแต่บริเวณลานกิจกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาตล่วงหน้าด้วย

 

ใครปัง ใครพัง หลังการทดสอบรอบสุดท้าย

 

 

แน่นอนว่าทุกสื่อมองตรงกันว่าเรดบูลล์ เรซซิง คือทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในการแข่งขันฤดูกาล 2024 และ แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน ถูกมองว่ามีโอกาสคว้าแชมป์สูงมากเช่นกัน

 

แต่ในการทดสอบรถรอบสุดท้าย เป็นทีมเฟอร์รารีที่ทำผลงานได้ดีที่สุด โดย ชาร์ลส์ เลอแคลร์ นักขับชาวโมนาโก ทำเวลาดีที่สุดในการทดสอบรถวันสุดท้ายที่บาห์เรน ก่อนเข้าสู่สัปดาห์แรกของศึก F1 หลังลงวิ่ง 74 รอบสนาม และทำเวลาดีที่สุดต่อรอบได้ 01.30.322 นาที ตามด้วย จอร์จ รัสเซลล์ จากทีมเมอร์เซเดส และ โจวกวนยู ทีมคิก เซาเบอร์ สเทก F1

 

ขณะที่แชมป์เก่าชาวดัตช์ทำเวลาในการทดสอบรอบสุดท้ายได้แค่อันดับที่ 4 แต่ถึงอย่างนั้นการทดสอบในรอบแรกๆ ของทีมเรดบูลล์ เรซซิง ก็ยังทำให้แฟนๆ เชื่อว่าปีนี้จะเป็นอีกปีของนักขับชาวดัตช์และทีมเรดบูลล์อยู่ดี

 

ขณะที่นักขับขวัญใจชาวไทยอย่าง อเล็กซ์ อัลบอน อังศุสิงห์ จากทีมวิลเลียมส์ ใช้เวลาลงวิ่งมากที่สุด 121 รอบ โดยทำเวลาเฉลี่ยต่อรอบตามหลังเลอแคลร์ +0.662 วินาที เป็นอันดับ 6 ในการทดสอบรถรอบสุดท้าย

 

โดยแฟนๆ F1 สามารถรอชมความมันในศึก F1 ฤดูกาลใหม่ได้ทาง beIN SPORTS ซึ่งจะถ่ายทอดสดการแข่งขันตลอดฤดูกาลเหมือนเดิม

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

X
Close Advertising