EXIM BANK เผยผลการดำเนินการปี 2565 โกยกำไรสุทธิกว่า 1,500 ล้านบาท แม้ตรึงดอกเบี้ยตลอดทั้งปี แย้มอาจขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งภายในกลางปีนี้ พร้อมมองแง่ดีว่าส่งออกไทยอาจโตได้ถึง 2% ในปีนี้ แม้หลายสำนักมองว่าไม่โต
วันนี้ (30 มกราคม) ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) แถลงผลการดำเนินงานปี 2565 และนโยบายปี 2566 โดยระบุว่าผลการดำเนินงานของ EXIM BANK ในปี 2565 เติบโตระดับสองหลัก (Double Digit Growth) ในมิติต่างๆ โดยมีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 2,737 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 14.51% ถือเป็นการเติบโตสองหลักต่อเนื่อง 2 ปีติด และมีกำไรสุทธิ 1,504 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับที่มากกว่า 1,500 ล้านบาทต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เช่นกัน แม้จะช่วยเหลือลูกค้าด้วยการตรึงดอกเบี้ย Prime Rate มานานกว่า 6 เดือน ต่อเนื่องถึงสิ้นเดือนมกราคม 2566 ก็ตาม
ดร.รักษ์ ยังชี้แจงว่า ที่กำไรสุทธิและกำไรจากการดำเนินงานต่างกันอย่างมาก มาจากการตั้งสำรองในปีก่อนที่สูงถึง 280% พร้อมทั้งกล่าวอีกว่า EXIM BANK จะยังคงรักษาแนวทางที่ระมัดระวังแบบนี้ต่อไป โดยในปีนี้ธนาคารจะตั้งสำรองใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 250%
ขณะที่ยอดคงค้างสินเชื่ออยู่ที่ 168,331 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.18% จากปีก่อน เติบโตสองหลักต่อเนื่อง 2 ปีติดต่อกัน และสูงสุดตั้งแต่เปิดดำเนินงานในปี 2537 โดยจำนวนนี้เป็นยอดคงค้างสินเชื่อที่สนับสนุนความยั่งยืน 47,628 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 21.83% จากปีก่อน และคิดเป็นสัดส่วนเกือบ 30% ของยอดคงค้างสินเชื่อทั้งหมด
ขณะที่อัตราส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Ratio) อยู่ที่เพียง 2.9% เท่านั้น นับเป็นอัตราที่ต่ำกว่าเป้าหมาย และต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ โดย ดร.รักษ์ ยังย้ำว่าธนาคารตั้งเป้าไว้ว่า NPL Ratio จะไม่มีวันเกิน 3% แม้ว่าปีหน้าธนาคารตั้งเป้าจะขยายยอดคงค้างสินเชื้ออีก 10% ไปสู่ระดับ 180,000 ล้านบาทก็ตาม
มองแง่ดี ส่งออกปี 2566 โตมากสุด 2%
เนื่องจากในปี 2566 เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอลงชัดเจน ธนาคารโลก และ The Economist Intelligence Unit (EIU) หน่วยงานวิเคราะห์เศรษฐกิจชั้นนำของโลก คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกในปีนี้จะขยายตัวต่ำกว่า 2% ต่ำสุดในรอบ 30 ปี เป็นผลจากปัญหาเงินเฟ้อที่คาดว่าจะยังอยู่ในระดับสูงและดอกเบี้ยขาขึ้น ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกไทย
ทำให้ EXIM BANK คาดการณ์ว่าส่งออกไทยน่าจะเติบโตได้สูงสุดเพียง 2% หรือชะลอกว่า 2 เท่าจากปีก่อนหน้า อันเนื่องจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าสำคัญชะลอตัว โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา และยุโรป ราคาสินค้าส่งออกเริ่มลดลง และเงินบาทผันผวนสูง ท่ามกลางปัจจัยท้าทายและความไม่แน่นอนในหลากหลายมิติ
“สหรัฐฯ และยุโรปกินสัดส่วนส่งออกของประเทศไทยเกินกว่า 50% ดังนั้นถ้าคุณไม่เปลี่ยนวิธีการเล่น ไม่เปลี่ยนตลาดส่งออก ภาพส่งออกของไทยตอนนี้ที่ดีที่สุดคือ 2% ภายใต้ข้อแม้การไม่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ และยุโรป” ดร.รักษ์กล่าว
กรรมการผู้จัดการ EXIM BANK ยังแนะว่า ตลาดใหม่ที่เนื้อหอมมากๆ ตอนนี้คือ ตะวันออกกลาง ตลาดเอเชียใต้ และอาเซียน โดยเฉพาะอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ไขคำตอบ…ทำไม หุ้นเวียดนาม ดิ่งเกือบจะหนักสุดของโลก ล้างภาพดาวรุ่งแห่งเอเชีย
- จับตา! หุ้นฮ่องกง ดีดกลับจริงหรือแค่ชั่วคราว หลังผู้นำจีนส่งสัญญาณหนุนตลาดหุ้นอีกครั้ง
- ส่อง 9 ตลาดหุ้นเอเชีย ‘อินโดนีเซีย’ แชมป์เงินไหลเข้ามากสุด และเป็นตลาดหนึ่งเดียวที่ยืนบวก