×

DR ‘SP50001’ กับโอกาสลงทุนดัชนีเรือธงสหรัฐฯ S&P 500

22.10.2024
  • LOADING...

การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศผ่าน Depositary Receipt (DR) กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นในประเทศไทย เห็นได้จากมูลค่าตลาด DR และ DRx ในตลาดหุ้นไทยที่อยู่ที่ 28,599 ล้านบาท เติบโตกว่า 67.6% นับจากสิ้นปี 2566 และมูลค่าการซื้อ-ขายรวมนับจากต้นปี 2567 ก็อยู่ที่ราว 47,271 ล้านบาท เติบโตกว่า 44.8% เมื่อเทียบกับมูลค่าทั้งปี 2566 (ข้อมูล ณ วันที่ 15 ตุลาคม 2567) 

 

เนื่องจาก DR เป็นเครื่องมือลงทุนต่างประเทศที่สะดวกและมีประสิทธิภาพ ใช้บัญชีเดียวกับหุ้นไทย ซื้อ-ขายด้วยสกุลเงินบาท ทั้งยังเป็นเครื่องมือที่ประหยัด เนื่องจากไม่มีการเก็บค่าธรรมเนียมการจัดการสองต่อเมื่อเทียบกับกองทุนรวมต่างประเทศ รวมถึงไม่ต้องกังวลเรื่องภาษีเงินได้จากการลงทุนต่างประเทศเช่นกัน

 

ปัจจุบันตลาดหุ้นไทยมี DR ที่เปิดโอกาสกระจายการลงทุนในตลาดหุ้นหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา, จีน, ฮ่องกง และเวียดนาม โดยเพื่อเป็นการขยายทางเลือกให้นักลงทุนไทยมากขึ้น หลักทรัพย์บัวหลวงพร้อมด้วย Hang Seng Investment Management ผู้ออก ETF ชั้นนำในฮ่องกง จึงขยายความร่วมมือออก DR ‘SP50001’ ในตลาดหุ้นไทยเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2567 เพิ่มโอกาสให้นักลงทุนไทยเข้าถึงการลงทุนอ้างอิงกับดัชนีชั้นนำของโลกอย่าง S&P 500 ทำให้หลักทรัพย์บัวหลวงมี DR ที่ครอบคลุมการลงทุนใน 2 ดัชนีเรือธงของสหรัฐฯ ต่อยอดจาก NDX01 ที่มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น ChinaAMC NASDAQ 100 ETF (3086) ที่ลงทุนอ้างอิงกับดัชนี Nasdaq 100 ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม 2565 

 

SP50001 เป็น DR ที่มีหลักทรัพย์อ้างอิงเป็น Hang Seng S&P 500 Index ETF ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงภายใต้สัญลักษณ์ 3195 เป็น ETF ตัวเดียวของฮ่องกงที่มีนโยบายการลงทุนอ้างอิงดัชนี S&P 500 โดยหนึ่งในเหตุผลหลักที่เป็น ETF ในฮ่องกง เนื่องจากเป็นตลาดที่มีเวลาเปิดทำการซ้อนทับกับตลาดหุ้นไทยประมาณ 4 ชั่วโมง ทำให้นักลงทุนไทยมีช่วงเวลาที่เหมาะสมในการซื้อ-ขาย SP50001 กว้างขึ้น และเพิ่มความยืดหยุ่นให้สามารถปรับพอร์ตได้อย่างทันท่วงทีตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป

 

ดัชนี S&P 500 เป็นหนึ่งในดัชนีสำคัญของโลก เริ่มจัดตั้งมาตั้งแต่ปี 2500 รวบรวมบริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ 500 แห่ง จึงมักใช้เป็นตัวแทนภาพรวมเศรษฐกิจและตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพราะมีมูลค่าตลาดของดัชนีครอบคลุมกว่า 80% ของมูลค่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้งหมด และหากเทียบกับตลาดหุ้นโลก ดัชนี S&P 500 ยังครอบคลุมกว่า 40% ของมูลค่าตลาดหุ้นโลก 

 

ด้วยการลงทุนอ้างอิงดัชนี S&P 500 ผ่าน SP50001 เปิดโอกาสเข้าถึงหุ้นชั้นนำของโลก ทำให้นักลงทุนไทยเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตของบริษัท เช่น Apple, Microsoft, NVIDIA, Starbucks, Netflix และ Berkshire Hathaway ฯลฯ อีกทั้งบริษัทในดัชนี S&P 500 ส่วนใหญ่ยังมีการดำเนินงานในหลายประเทศทั่วโลก โดยดัชนีมีสัดส่วนรายได้จากตลาดต่างประเทศหรือนอกสหรัฐฯ ราว 40% จึงทำให้การลงทุนใน S&P 500 เปรียบเสมือนได้กระจายการลงทุนในตลาดโลกไปในตัวเช่นกัน 

 

ดัชนี S&P 500 มีผลตอบแทนที่แข็งแกร่งในระยะยาว โดย S&P 500 ให้ผลตอบแทนรวมเฉลี่ยราว 10.8% ต่อปีในช่วง 30 ปีย้อนหลัง (ปี 2536-2566) เอาชนะดัชนีหุ้นโลกอย่าง MSCI World ที่ให้ผลตอบแทนรวมเฉลี่ย 8.5% ต่อปี หรือดัชนี SET ของไทย ก็ให้ผลตอบแทนรวมเฉลี่ยเพียง 2.9% ต่อปี ในช่วงเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ S&P 500 ยังเป็นดัชนีที่ยากจะเอาชนะ หลังกว่า 94% ของกองทุน Active ที่มีนโยบายการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ มีผลตอบแทนที่แพ้ดัชนี S&P 500 ใน 20 ปีที่ผ่านมา

 

 

ดัชนี S&P 500 ยังได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในฐานะมาตรฐานของตลาดหุ้นสหรัฐฯ และเป็นหนึ่งในดัชนีที่นักลงทุนทั่วโลกติดตามกันมากที่สุด แม้แต่นักลงทุนระดับตำนานอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ยังยกให้การลงทุนอ้างอิงดัชนี S&P 500 เป็นหนึ่งในทางเลือกการลงทุนที่ดีที่สุดจากผลตอบแทนที่แข็งแกร่ง ประโยชน์ของการกระจายความเสี่ยง และยังสะดวกต่อการลงทุน หรือคู่หูคนสนิทของบัฟเฟตต์อย่าง ชาร์ลี มังเกอร์ ก็เคยมองว่า S&P 500 เป็นดัชนีที่ยากจะเอาชนะ 

 

จากความน่าสนใจของดัชนี S&P 500 ข้างต้น ไม่ว่าจะเป็นการเปิดโอกาสสู่การลงทุนในบริษัทชั้นนำสหรัฐฯ หรือผลตอบแทนที่แข็งแกร่งในระยะยาว จึงไม่น่าแปลกใจที่ดัชนี S&P 500 จะได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง 

 

SP50001 จึงเป็นโอกาสที่ดีสำหรับนักลงทุนไทย ในการเข้าถึงการลงทุนในดัชนีระดับโลกได้สะดวกและมีประสิทธิภาพผ่านตลาดหุ้นไทย ซื้อ-ขายด้วยสกุลเงินบาท 

 

สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ bualuang.co.th/dr

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X