×

ทรัมป์จะกลับมาหาเสียงภายใน 10 วันหลังจากเริ่มป่วยเป็นโควิด-19 ได้หรือไม่

10.10.2020
  • LOADING...
ทรัมป์จะกลับมาหาเสียงภายใน 10 วันหลังจากเริ่มป่วยเป็นโควิด-19 ได้หรือไม่

HIGHLIGHTS

3 Mins. Read
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Fox ในวันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมาว่า เขาพร้อมลงหาเสียงเลือกตั้งที่ฟลอริดาในอีก 2 วันข้างหน้า หรือครบ 10 วันหลังป่วยจากโควิด-19
  • หลายคนจึงสงสัยว่าเขาหายจากโควิด-19 ดีแล้วหรือยัง และกังวลว่าเขาจะกลายเป็นผู้แพร่เชื้อให้กับผู้อื่นในระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งหรือไม่

“ผมคิดว่าจะลองลงหาเสียงในคืนวันเสาร์นี้” 

 

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Fox ในวันพฤหัสบดีที่ 8 ตุลาคม 2563 ที่ผ่านมาว่า เขาพร้อมลงหาเสียงเลือกตั้งที่ฟลอริดาในอีก 2 วันข้างหน้า ทั้งที่เขายังมีอาการไอจนต้องหยุดไปพักหนึ่งระหว่างออกอากาศ หลายคนจึงสงสัยว่าเขาหายจากโควิด-19 ดีแล้วหรือยัง และกังวลว่าเขาจะกลายเป็นผู้แพร่เชื้อให้กับผู้อื่นในระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งหรือไม่

 

แพทย์ประจำตัวเห็นทรัมป์ใกล้หายแล้ว

ถ้าอ้างอิงตามแถลงการณ์ของ นพ.ฌอน คอนลีย์ แพทย์ประจำตัวประธานาธิบดี ทั้ง 2 วันที่ผ่านมาถือว่าอาการของทรัมป์คงที่และไม่มีสัญญาณที่บ่งบอกว่าจะแย่ลงแต่อย่างใด โดยในวันที่ 7 ตุลาคม 2563 แพทย์ระบุว่า ‘เขาไม่มีไข้ติดต่อกันเกิน 4 วันแล้ว’ ไม่มีอาการอื่นตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และ ‘ไม่จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนชดเชย’ เลยตั้งแต่เริ่มเข้าโรงพยาบาลมา (ตรงนี้ขัดแย้งกับแหล่งข่าวหลายสำนักที่ระบุว่าเขาต้องได้รับออกซิเจนชดเชยในโรงพยาบาล)

 

ส่วนในวันที่ 8 ตุลาคม 2563 แพทย์ระบุว่า สัญญาณชีพและระดับออกซิเจนในเลือดของเขาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ตอบสนองต่อการรักษาดีมากโดยไม่มีผลข้างเคียง 

 

ที่สำคัญแถลงการณ์ฉบับนี้ได้ยืนยันว่า ‘วันเสาร์นี้จะครบ 10 วัน’ หลังจากที่เขาได้รับการวินิจฉัยเมื่อวันพฤหัสบดีของสัปดาห์ก่อน และคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าประธานาธิบดีจะกลับไปพบปะผู้อื่นได้ในวันดังกล่าวอย่างปลอดภัย ซึ่งตรงกันกับที่ทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Fox

 

ซึ่งข้อความที่ผมเน้นเป็น 3 ประโยคที่แพทย์ท่านนี้ต้องการสื่อว่า ทรัมป์ไม่จำเป็นต้องกักตัวอีกต่อไป

 

เมื่อไรถึงไม่จำเป็นต้องกักตัวอีกต่อไป?

เมื่อผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยเป็นโควิด-19 จะได้รับการดูแล 2 ส่วน ได้แก่ 

 

  1. การรักษา เช่น การสังเกตอาการ ยารักษาตามอาการ ยาต้านไวรัสจนครบวันที่กำหนด (5-10 วันขึ้นกับความรุนแรง) 

 

  1. การควบคุมโรค ซึ่งก็คือการแยกกัก (Isolation) ในห้องความดันลบ หรือห้องแยก เพื่อป้องกันไม่ให้แพร่เชื้อต่อให้กับผู้อื่น ซึ่งเดิมเกณฑ์ในการออกจากห้องแยกนี้ ผู้ป่วยจะต้องมีผลการตรวจหาเชื้อเป็นลบติดต่อกัน 2 ครั้ง ห่างกันอย่างน้อย 24 ชั่วโมง

 

แต่เมื่อมีจำนวนผู้ป่วยมากขึ้น แพทย์กลับพบว่าผู้ป่วยบางรายมีผลการตรวจหาเชื้อเป็นบวกได้นานถึง 3 เดือน บางรายถูกตรวจพบว่าเป็นลบแล้ว แต่เมื่อนัดมาติดตามกลับตรวจพบว่าเป็นบวกขึ้นมาอีก ทั้งที่อาการดีขึ้นแล้ว ประกอบกับมีข้อค้นพบใหม่ว่า ‘ผลบวก’ ที่พบตั้งแต่วันที่ 9 หลังจากมีอาการเป็นต้นไปมักไม่สามารถเพาะเชื้อได้ หรือที่เรามักจะได้ยินในระยะหลังว่าเป็น ‘ซากเชื้อ’ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง 

 

ดังนั้นองค์การอนามัยโลก (WHO) จึงเปลี่ยนคำแนะนำเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2563 ว่าผู้ป่วย ‘ไม่จำเป็น’ ต้องตรวจหาเชื้อซ้ำ แต่ให้นับระยะเวลาหลังจากมีอาการหรือตรวจพบผลบวก และอาการของผู้ป่วยแทน 

 

โดยผู้ป่วยที่มีอาการ (Symptomatic Case) สามารถออกจากการแยกกักภายหลังจากมีอาการ 10 วัน + อีกอย่างน้อย 3 วันที่ไม่มีอาการ (ไม่มีไข้และไม่มีอาการทางเดินหายใจ) เช่น ถ้าผู้ป่วยมีอาการมา 2 วัน ดังนั้นผู้ป่วยจะต้องถูกแยกกัก 10+3 = 13 วันนับจากวันเริ่มมีอาการ เป็นต้น ส่วนผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ (Asymptomatic Case) สามารถออกจากการแยกกักภายหลังจากตรวจพบผลบวก 10 วัน

 

ส่วนคำแนะนำของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (CDC) ที่ประกาศล่าสุดเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2563 จะแตกต่างจาก WHO เล็กน้อย กล่าวคือ โดยทั่วไปผู้ป่วยจะได้รับการยกเลิกการแยกกัก ‘10 วันหลังจากมีอาการ’ และจะต้อง ‘ไม่มีไข้อย่างน้อย 24 ชั่วโมง’ โดยไม่ได้รับประทานยาลดไข้และอาการอื่นดีขึ้นแล้ว แต่ผู้ป่วยที่มี ‘อาการรุนแรงอาจต้องขยายระยะเวลาแยกกักออกไปเป็น 20 วัน’ ขึ้นกับความเห็นของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

 

อาการของทรัมป์รุนแรงหรือไม่?

ถ้าเป็นไปตามที่ นพ.ฌอน ระบุในแถลงการณ์ จะถือว่าอาการป่วยของทรัมป์ไม่รุนแรง และสามารถออกจากการกักตัวได้ภายหลังจากมีอาการ 10 วันตามแนวทางของ CDC สหรัฐฯ ซึ่งก็คือวันเสาร์นี้ 

แต่ความกังวลของหลายคนก็คือ ความจริงแล้วอาการของทรัมป์รุนแรงหรือไม่ เพราะถ้าสังเกตจากยาที่เขาได้รับ ไม่ว่าจะเป็นเรมเดซิเวียร์ (Remdesivir) หรือเดกซาเมทาโซน (Dexamethasone) ล้วนแล้วแต่เป็นยาที่สมาคมโรคติดเชื้ออเมริกาแนะนำให้กับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงทั้งสิ้น ซึ่ง ‘อาการรุนแรง’ หมายถึงผู้ป่วยที่ระดับออกซิเจนในเลือดต่ำกว่า 94% และ ‘ผู้ที่ต้องได้รับออกซิเจนชดเชย’ เครื่องช่วยหายใจ หรือเครื่องพยุงการทำงานของหัวใจและปอด (ECMO)

 

ทว่า นพ.ฌอน ได้ยืนยันมาตลอดว่า ผู้ป่วยของเขามีระดับออกซิเจนในเลือดปกติ และไม่ได้รับออกซิเจนชดเชย ซึ่งถ้ามองในมุมของทีมแพทย์ผู้รักษาก็อาจมีความจำเป็นต้องใช้สูตรยาที่ดีที่สุดในการรักษาผู้นำชาติมหาอำนาจของโลก ทำให้อาการก็ดีขึ้นภายในระยะเวลาที่รวดเร็ว แต่ในมุมของการควบคุมโรค แพทย์ประจำตัวก็ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่าผู้ป่วยของเขาจะสามารถแพร่เชื้อต่อไปให้กับผู้อื่นได้หรือไม่ เพราะทรัมป์จะต้องพบปะกับคนจำนวนมาก

 

ซึ่งถ้าทรัมป์มีอาการรุนแรงจริงก็ควรกักตัวต่ออีกจนครบ 20 วัน = 20 ตุลาคม 2563 ก็ยังมีเวลาสำหรับการลงหาเสียงเลือกตั้งอยู่ แต่ถ้าต้องการให้เร็วกว่านั้นอาจใช้แนวทางเดิมคือผลตรวจเป็นลบ 2 ครั้งห่างกัน 24 ชั่วโมง หากผลเป็นบวกก็อาจพิจารณาความเข้มข้นของเชื้อเทียบกับโอกาสในการเพาะเชื้อสำเร็จ (ถ้าความเข้มข้นของเชื้อต่ำ มักเพาะเชื้อไม่ขึ้น) หรือนำไปเพาะเชื้อต่อเพื่อยืนยันว่าเป็นซากเชื้อจริงก็อาจย่นระยะเวลาได้อีกเล็กน้อย

 

ผลกระทบระยะยาวในผู้ป่วยโควิด-19

ผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการไม่รุนแรงจะมีอาการดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์ ส่วนผู้ป่วยรุนแรงจะมีอาการแย่ลงช่วงที่เข้าสู่สัปดาห์ที่ 2-3 ถ้าไม่เสียชีวิตก็จะมีอาการดีขึ้นภายใน 6 สัปดาห์ 

 

แต่เมื่อติดตามผู้ป่วยต่อหลังจากออกจากโรงพยาบาลก็พบว่า หลายรายยังมีอาการไอ อ่อนเพลีย จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรสอยู่ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARS) ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ก่อนหน้านี้ในปี 2546 ผู้ป่วยมากถึง 40% ยังมีอาการอ่อนเพลียอยู่ภายใน 3 ปีครึ่ง และความสามารถในการออกกำลังกายลดลงถึงแม้ว่าจะหายจากโรคนานถึง 2 ปีแล้วก็ตาม

 

ส่วนการติดเชื้อโควิด-19 ซ้ำมีโอกาสเป็นไปได้ แต่มากน้อยเพียงใดยังต้องรอการติดตามผู้ป่วยในระยะเวลานานกว่านี้ เพราะจนถึงปัจจุบันมีรายงานผู้ป่วยที่ติดเชื้อซ้ำเพียง 6 รายเท่านั้น ส่วนการศึกษาระดับภูมิคุ้มกันในผู้ป่วยพบว่า จะค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนสูงสุดที่ 3-4 สัปดาห์หลังการติดเชื้อ และคงที่ถึงประมาณ 4 เดือน ในขณะที่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์อื่นที่เคยมีการศึกษาก่อนหน้านี้พบว่าระดับภูมิคุ้มกันจะลดต่ำลงภายใน 3 เดือนถึง 1 ปี 

 

ดังนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นผู้ที่เคยป่วยมาแล้ว แต่ยังคงต้องป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อเช่นเดิม 

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising