×

อีกนัดที่น่าผิดหวังของอังกฤษ และความสัมพันธ์ระหว่าง แฮร์รี เคน กับ แกเร็ธ​ เซาท์เกต?

19.06.2021
  • LOADING...
Gareth Southgate

การพบกันระหว่าง ‘The Auld Enemy’ หรือที่เรียกกันคุ้นหูว่า ‘The Battle of Britain’ ในศึกฟุตบอลยูโร 2020 ผ่านไปแบบไม่มีอะไรให้น่าตื่นเต้นมากนัก เมื่อเกมที่เวมบลีย์จบลงด้วยการเสมอกันไปแบบไม่มีใครทำประตูกันได้

 

เพียงแต่ความรู้สึกหลังจบเกมระหว่างอังกฤษและสกอตแลนด์นั้นแตกต่างกัน

 

สำหรับสกอตแลนด์ นอกจากมันจะเป็น 1 คะแนนที่มีความหมายถึงการต่อความหวังในการเข้ารอบต่อไป สิ่งที่ดีกว่าคือฟอร์มการเล่นในสนามของนักเตะที่ทุ่มเทอย่างเต็มที่ตลอดทั้ง 90 นาที ซึ่งทำให้เหล่า ‘ตาร์ตัน อาร์มี’ รู้สึกภาคภูมิใจไปกับผลงานดังกล่าว

 

สกอตแลนด์ไม่ได้ผ่านเข้ามาเล่นในฟุตบอลรายการระดับเมเจอร์มาตั้งแต่ปี 1998 และกับอังกฤษเอง พวกเขาไม่ได้เจอกันในรายการใหญ่แบบนี้มา 25 ปีแล้ว หรือคิดเป็น 1 ใน 4 ของศตวรรษ การพบกันครั้งนี้สำหรับแฟนบอลชาวสกอตติชมันจึงไม่ใช่แค่เกมธรรมดานัดหนึ่ง

 

หากแต่มันคือความทรงจำชั่วชีวิตที่จะติดตัวไปจนวันตาย

 

ไม่แปลกที่เราได้เห็นภาพของเหล่าตาร์ตัน อาร์มีที่เดินทางมาจากไฮแลนด์แดนเหนือลงมาสู่ลอนดอนแบบมืดฟ้ามัวดินกว่า 20,000 คน โดยที่ในจำนวนนี้มีเพียงแค่ 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ได้ตั๋วเข้าชมเกม นอกนั้นแล้วพวกเขาเดินทางมาแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้ ไม่มีที่มาและไม่มีที่ไป

 

สิ่งเดียวที่พวกเขาต้องการคือการเก็บเกี่ยวความทรงจำ ร้องรำทำเพลง มันให้สุด เมาให้สุด สนุกให้สุด แล้วก็หาที่เชียร์ทีมชาติของพวกเขาในสนาม ร้องเพลง Flower of Scotland (เพลงชาติอย่างไม่เป็นทางการ) ไม่มีอะไรมากหรือน้อยไปกว่านั้น ซึ่งเท่านี้ก็สร้างสีสันให้แก่ฟุตบอลยูโรครั้งนี้อย่างมากแล้ว

 

สมกับคำขวัญของพวกเขาว่า No Scotland, No Party จริงๆ

 

 

บิลลี กิลมัวร์ ได้รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเกมนี้

 

ขณะที่สกอตแลนด์เล่นได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะ 2 หนุ่ม คีแรน เทียร์นีย์ แบ็กซ้ายจากอาร์เซนอล ที่ไปยืนปักหลักเป็นกองหลังฝั่งซ้ายในระบบกองหลัง 3 ตัว ที่นอกจากเกมรับจะเยี่ยม ยังเติมมาช่วย แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน วิงแบ็กกัปตันทีม ได้ราวกับใช้ระบบ Double Wing Back และอีกคนคือ บิลลี กิลมัวร์ มิดฟิลด์ห้องเครื่องวัยแค่ 20 ปีจากเชลซี ที่สามารถสะกดเกมแดนกลางของอังกฤษได้อย่างหมดจดทุกนาทีที่เขาอยู่ในสนาม

 

อังกฤษ ทีมที่ก่อนทัวร์นาเมนต์จะเริ่มต้นขึ้นได้รับการคาดหวังสูงอย่างมากว่าจะมีลุ้นแชมป์ปีนี้ เพราะทีมอุดมไปด้วยดาวเด่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น แฮร์รี เคน, จาดอน ซานโช, แจ็ค กรีลิช, เมสัน เมาท์, ฟิล โฟเดน, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, แฮร์รี แม็กไกวร์, เบน ชิลเวลล์, มาร์คัส แรชฟอร์ด และอีกมากมาย แต่กลับเล่นได้อย่างน่าผิดหวัง

 

ในเกมนี้ แกเร็ธ เซาท์เกต ยังยึดระบบการเล่นเดิม 4-2-3-1 เหมือนในเกมที่เฉือนเอาชนะโครเอเชียมาได้ แต่มีการสลับผู้เล่นตำแหน่งแบ็กทั้งสองข้างจาก คีแรน ทริปเปียร์ และไคล์ วอล์กเกอร์ มาเป็น ลุค ชอว์ กับรีซ เจมส์ ผลลัพธ์ที่ได้นั้นไม่เป็นที่น่าพอใจ

 

โอกาสที่ดีและชัดเจนที่สุดของอังกฤษมาในช่วงต้นเกม จากจังหวะขึ้นเทกตัวโหม่งลูกเตะมุมของ จอห์น สโตนส์ ที่ได้โขกคนเดียวโล่งๆ แต่ไปชนเสา ส่วนหลังจากนั้นแล้วพวกเขาเล่นได้น่าผิดหวังตลอดทั้งเกม โดยเฉพาะในแนวรุกซึ่งประกอบไปด้วยเคน, ราฮีม สเตอร์ลิง, ฟิล โฟเดน และเมสัน เมาท์ ที่มีแค่จังหวะฉาบฉวย แต่ไม่สามารถที่จะสร้างเกมรุกทะลวงแนวรับของสกอตแลนด์ที่ลงไปปักหลักอย่างแข็งขันได้

 

แม้กระทั่งคนที่แฟนบอลรอคอยอย่าง แจ็ค กรีลิช ก็ลงสนามมาแทนโฟเดนโดยที่แทบไม่ได้ทำอะไร ส่วน จาดอน ซานโช นั้นไม่มีโอกาสที่จะสัมผัสเกมได้แม้แต่วินาทีเดียว

 

ช็อตที่น่าสนใจและเป็นประเด็นให้คิดคือการที่เคนถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามในช่วงนาทีที่ 70 เป็นนัดที่ 2 ติดต่อกัน ท่ามกลางเสียงโห่สนั่นของแฟนบอลทีมสิงโตคำราม

 

เซาท์เกตให้เหตุผลในการตัดสินใจว่า เขาต้องการ ‘พลัง’ ในแดนหน้ามากกว่านี้

 

“ผมรู้สึกว่าเราต้องการการวิ่งหลังไลน์มากขึ้น และมาร์คัส (แรชฟอร์ด ตัวสำรองที่ลงไปแทน) น่าจะเติมพลังให้กับเราได้ เราต้องตัดสินใจจากสิ่งที่เราได้เห็น พวกเราจำเป็นต้องทำให้ดีขึ้น และมันต้องเริ่มจากผมก่อน”

 

ขณะที่เคน ซึ่งเกมนี้ไม่มีอาการตกใจเหมือนในครั้งแรกที่โดนเปลี่ยนตัวออกจากสนามในเกมที่พบกับโครเอเชีย ที่มีสีหน้าแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ ITV ว่า “มันเป็นส่วนหนึ่งของเกม ผู้จัดการทีมรู้สึกว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ดังนั้นเราก็ควรที่จะต้องยอมรับมัน แค่นั้น”

 

สิ่งที่น่าขบคิดคือ เคนนั้นเล่นแย่เองและไม่สมควรได้รับโอกาสให้ลงเล่นต่อในสนามในช่วงเวลาที่เหลืออีก เพราะตลอดทั้ง 74 นาทีในสนาม เขาได้สัมผัสบอลเพียงแค่ 19 ครั้ง และดูอ่อนล้าอย่างมาก ไม่ดูเฉียบคมเหมือนเคย

 

คริส วอดเดิล อดีตปีกทีมชาติอังกฤษที่เคยค้าแข้งกับสเปอร์สให้ความเห็นว่า “บางทีเคนอาจจะล้าเพราะกรำศึกหนักมาตลอดทั้งฤดูกาล” ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้เช่นกัน และมันสอดคล้องกับสิ่งที่เซาท์เกตบอกว่าเขาต้องการคนที่มีพลังมากกว่าลงมาเติมความสดชื่นในแดนหน้า

 

แต่หากมองในทางกลับกัน หรือมันจะเป็นเพราะระบบการเล่นและองค์ประกอบอื่นๆของทีมไม่เอื้อให้เขาทำผลงานได้

 

เพราะก่อนหน้าจะถึงยูโร 2020 เคนก็ไม่ได้อยู่ในช่วงที่ฟอร์มตกหนัก เขายังทำผลงานกับสโมสรได้ดีอยู่ และความจริงในฤดูกาลที่ผ่านมาน่าจะเป็นปีที่ดีที่สุดของเขาด้วยซ้ำไปในผลงานส่วนตัว เพราะได้เป็นทั้งดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก และเป็นผู้ที่ผ่านบอลให้เพื่อนทำประตูได้สูงสุดด้วย

 

การที่เซาท์เกตไม่สามารถหาทางใช้นักฟุตบอลที่ได้รับการยกย่องอย่างสูงว่าเก่งที่สุดในพรีเมียร์ลีกเวลานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด อาจเป็นคำถามถึงความสามารถของผู้จัดการทีมด้วยเช่นเดียวกัน และความจริงตัวของนายใหญ่สิงโตคำรามก็เผชิญกับคำถามในลักษณะนี้มาโดยตลอด

 

อังกฤษในยุคของเซาท์เกตอาจจะเคยผ่านไปถึงรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก 2018 ได้ก็จริง แต่หลังจากนั้นมาพวกเขาไม่เคยแสดงให้เห็นว่าดีหรือพร้อมพอสำหรับการจะก้าวมาเป็นทีมระดับชั้นนำของโลก โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับของจริงอย่างสเปน เยอรมนี หรือฝรั่งเศส

 

เซาท์เกตมักจะมีอาการ ‘คิดเยอะ’ เสมอเมื่อถึงเกมสำคัญ และทำให้อังกฤษเวลานี้ดูแตกต่างจากทีมชุดฟุตบอลโลกเมื่อ 3 ปีก่อนที่ลงเล่นแบบไม่มีใครคาดหวัง จึงเล่นอย่างไร้ความกดดันและทำผลงานได้ดีเกินกว่าที่คาดหมาย

 

อาการคิดเยอะยังทำให้อังกฤษไม่มีผู้เล่น 11 คนแรกตัวจริงในใจของเซาท์เกต จากที่มีตัวเลือกในตำแหน่งแบ็กที่มากเกินไป มาจนถึงแดนกลางที่ยังไม่มีโอกาสให้ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน หนึ่งในผู้เล่นประสบการณ์สูงของทีมลงสนามแม้แต่นาทีเดียว และตัวทำเกมที่มีจำนวนมาก แต่ไม่มีใครเล่นได้สมความคาดหวังแม้แต่คนเดียว

 

นักเตะอย่าง จาดอน ซานโช เป็นอีกคนที่กลายเป็นตัวสำรอง ไม่ได้โอกาสลงสนาม

 

สิ่งเหล่านี้คือความรับผิดชอบของเซาท์เกต และสิ่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เลยคือเรื่องบรรยากาศภายในทีม หลังจากที่เขาตัดสินใจถอด ‘ผู้นำ’ ของทีมออกจากสนามถึง 2 เกมติดต่อกัน

 

ถึงอังกฤษจะมีโอกาสเข้ารอบต่อไปสูง แต่เซาท์เกตเหลือเวลาน้อยมากที่จะหาทางแก้ไขปัญหาทุกอย่าง เพื่อหาทางสร้าง ‘โมเมนตัม’ ในทางบวกให้กับทีม

 

เป็นความท้าทายที่ยากจนน่าขนลุก

 

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X