×

ผมเห็นด้วยและสนับสนุนนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ‘เจ้าสัวธนินท์’ ย้ำ ไม่ใช่ช่วยเหลือคนยากจนเท่านั้น แต่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

20.11.2023
  • LOADING...
เจ้าสัวธนินท์

‘เจ้าสัวธนินท์’ มั่นใจฝีมือการทำงานของรัฐบาล ‘เศรษฐา’ และเห็นด้วยกับนโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ย้ำเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ท่ามกลางปัญหาภาวะเศรษฐกิจโลก

 

ธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ แสดงความเห็นถึงการทำงานของรัฐบาล ในงานสัมมนาหอการค้าไทยทั่วประเทศ ครั้งที่ 41 ว่า ผมเชื่อมั่นในรัฐบาลชุดใหม่ เพราะเข้ามาในเวลาที่เหมาะสม เข้ามาเพื่อแก้ไขเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเศรษฐา ท่านนายกฯ ที่ผ่านมาผลงานของท่านทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การบริหารด้านการเงินการคลังทำได้ค่อนข้างดี

 

“ในส่วนของนโยบายต่างๆ รวมถึงเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผมเห็นด้วยและสนับสนุน ที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ พวกเราต้องช่วยกันพูด คือไม่ใช่ไปช่วยเหลือคนยากจน แต่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ ต้องให้เข้าใจ เพราะวันนี้เศรษฐกิจทั่วโลกอยู่ในภาวะไม่ปกติ แต่เราต้องมีแผนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งผมเชื่อมั่นว่าถ้าพวกเราสามัคคีกัน ทั้งนักธุรกิจ ข้าราชการ นักการเมือง มองประเทศชาติเป็นหลัก เชื่อมั่นว่าประเทศไทย ภายใต้การนำของรัฐบาลชุดใหม่จะต้องเจริญรุ่งเรืองแน่นอน” ธนินท์ย้ำ

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

ถึงวันนี้ใครๆ ก็อยากจะมาอยู่เมืองไทย ในช่วงที่โลกเจอวิกฤต ยกเว้นอเมริกาที่ยังเป็นผู้นำเศรษฐกิจอยู่ แม้เงินเฟ้อ 4% หรือแม้แต่ GDP โต 10% ซึ่งเราอย่าไปกลัวเงินเฟ้อ ให้เงินเฟ้อบ้าง เพราะเงินเฟ้อยังมีโอกาสแก้ไขได้ สิ่งที่กังวลคือเงินฝืด ถ้าให้เทียบกับร่างกายคนก็เหมือนหัวใจหยุดเต้น 

 

ที่สำคัญปัจจุบันวิกฤตที่เกิดไม่เหมือนวิกฤตต้มยำกุ้ง เศรษฐกิจมีปัญหา แต่ประเทศไทยการเงินของเรายังอยู่ในท็อปของโลก ดังนั้นทั่วโลกมองแล้วว่าในประเทศอาเซียน 10 ประเทศ และประเทศไทยยังน่าลงทุน แต่ปัญหาของไทยกำลังกลายเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่มีผู้สูงอายุ และประชากรลดลง มีไม่ถึง 70 ล้านคน สิ่งเหล่านี้น่าเป็นห่วง

 

ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวต่อถึงนโยบายการพักหนี้เกษตรกร ผมเห็นด้วยอย่างมาก แต่ไม่ใช่ว่าพักนี้เกษตรกรแล้วจะเสียวินัยการเงิน จริงๆ ในโลกนี้ไม่มีประเทศไหนที่เจริญรุ่งเรืองได้โดยไม่ปกป้องราคาสินค้าเกษตร เพราะสินค้าเกษตรเปรียบเสมือนน้ำมันบนดินของประเทศไทย แม้คนส่วนใหญ่จะมองว่าสินค้าเกษตรไม่ค่อยมีค่าเท่าไร พอปลูกเสร็จ ข้าวเปลือกขายเข้าโรงสีก็จบแล้ว ซึ่งตัวเลขรายได้ไม่ใช่ของเกษตร แต่เป็นของอุตสาหกรรม 

 

จริงๆ สามารถเพิ่มมูลค่าขึ้นไปอีก ยกตัวอย่างอ้อย เมื่อเกษตรกรขายอ้อยเข้าโรงสี โรงงานผลิตน้ำตาล ก็กลายเป็นสินค้าอุตสาหกรรมไปแล้ว ลองคิดดูสินค้าเกษตรเราผลิตได้เกือบจะได้ 100% อย่างปุ๋ยอาจนำเข้า แล้วถ้าหากว่าสินค้าเกษตรเพิ่มมูลค่าขึ้นอีก 2-3 เท่า ประเทศไทยจะมีรายได้ที่สูงขึ้น และเงินเข้าประเทศจะมากขึ้น 

 

ดังนั้นเราต้องช่วยกัน รัฐบาลต้องดูแลเมื่อสินค้าเกษตรมีราคาสูงขึ้น เมื่อราคาสูงต้องดูสาเหตุจากอะไร น้ำท่วม แมลงหรือเป็นโรค ทำให้ของมันขาด ราคาแพง และต้องรีบจัดการ เพื่อให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น และเมื่อเกษตรกรมีรายได้ ก็จะมีกำลังมาจับจ่ายซื้อสินค้า

 

อย่างไรก็ตาม วันนี้คนยากจนส่วนใหญ่มาจากเกษตรกร ทำให้มีหนี้นอกระบบเกิดขึ้น จึงอยากฝากนักธุรกิจ และสมาชิกหอการค้าไทยให้ช่วยกัน ถึงเวลาแล้วที่ทุกพรรคการเมือง นักธุรกิจ ราชการ ต้องมองประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก เพราะถ้าประเทศอยู่ไม่ได้ ประชาชนไม่มีกำลังซื้อ แล้วผู้ประกอบการหรือแม้แต่นักธุรกิจที่ผลิตสินค้าจะขายให้กับใคร ต้องเริ่มคิด

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising