เมืองเดอร์นา (Derna) ซึ่งได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากเหตุน้ำท่วมใหญ่ในลิเบีย มีสภาพคล้ายพื้นที่สงคราม หลังบ้านเรือนและถนนหนทางถูกมวลน้ำก้อนใหญ่ทะลักท่วมและพัดพากระจัดกระจายเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยจากการประเมินของเจ้าหน้าที่และกลุ่มบรรเทาสาธารณภัยต่างๆ คาดว่ามีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 5,000 คน และสูญหายอีกหลายพันคน ขณะที่เชื่อว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจะพุ่งสูงขึ้นอีก
ทีมข่าวของ CNN ที่ได้ลงพื้นที่พร้อมกับกองทัพแห่งชาติลิเบีย (Libyan National Army: LNA) รายงานว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นในเมืองเดอร์นานั้นราวกับเมืองถูกถล่มด้วยระเบิดขนาดใหญ่ คล้ายสมรภูมิสงคราม มองไปทางไหนก็เห็นแต่ภาพการทำลายล้าง ไม่ว่ายามค่ำคืนที่ไร้แสงไฟ หรือท่ามกลางแสงอาทิตย์ในเวลากลางวัน
เจ้าหน้าที่ของลิเบียเผยกับ CNN ว่า การทำลายล้างและการสูญเสียชีวิตเกิดขึ้นภายในช่วงเวลา 90 นาทีหรือราวๆ นั้น หลังเขื่อน 2 แห่งเหนือเมืองเดอร์นาเกิดพังทลาย ทำให้มวลน้ำก้อนยักษ์ถาโถมลงสู่เมืองชายฝั่งแห่งนี้ราวกับคลื่นสึนามิ ซัดทุกสิ่งพังพินาศ ทั้งบ้านเรือนและโครงสร้างพื้นฐาน
ชาวเมืองเดอร์นายังคงหวาดกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พวกเขาบอกว่ายังไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาคุ้นเคยกับสงครามและความตาย แต่ไม่เคยเตรียมตัวว่าจะต้องมาพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้
เจ้าหน้าที่ในเมืองเดอร์นากำลังจัดการกับการค้นหาและช่วยชีวิต การฟื้นฟู การระบายน้ำ การช่วยเหลือผู้ไร้บ้าน ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่พวกเขาไม่เคยพบเจอมาก่อน
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งบอกกับ CNN ว่า พบศพเกยตื้นอยู่บริเวณชายฝั่งของเมืองเดอร์นา ขณะที่สามารถพบเห็นเศษซากของชีวิตผู้คนลอยอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เช่น บ้าน กรอบประตู หน้าต่าง เฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้า รถยนต์ ฯลฯ
หัวหน้าคณะผู้แทนประจำลิเบียของคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (International Committee of the Red Cross: ICRC) กล่าวว่า ต้องใช้เวลาหลายเดือนหรืออาจหลายปี เพื่อให้ประชาชนฟื้นตัวจากความเสียหายจากภัยพิบัติที่เกิดจากอิทธิพลของพายุแดเนียล (Daniel)
ในขณะเดียวกัน องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (International Organization for Migration: IOM) เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี (14 กันยายน) ว่า ภัยพิบัติครั้งนี้ส่งผลให้มีผู้ไร้บ้านอย่างน้อย 30,000 คน และทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับสวัสดิภาพของผู้รอดชีวิต
น้ำท่วมทำให้ถนนและสะพานเสียหาย ส่งผลให้การเดินทางเข้าไปยังตัวเมืองและพื้นที่โดยรอบเป็นไปอย่างยากลำบาก ต้องใช้เวลาขับรถกว่า 7 ชั่วโมงจากสนามบินเบงกาซี (Benghazi) ไปยังเมืองเดอร์นา จากปกติใช้เวลา 3 ชั่วโมง เมื่อรวมกับสถานการณ์ความมั่นคงปลอดภัยที่ไม่แน่นอน ทำให้การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเป็นเรื่องยาก
อย่างไรก็ตาม ชาวลิเบียบางคนบอกกับ CNN ว่า พวกเขารู้สึกว่าเหตุการณ์นี้ได้นำประเทศที่แตกแยกมารวมกัน อย่างน้อยก็ในเวลานี้ โดยรถยนต์หลายคันจากเมืองต่างๆ ทั่วทั้งลิเบียต่างมุ่งหน้าสู่เมืองเดอร์นา เพื่อนำอาสาสมัครหรือความช่วยเหลือไปส่งมอบ รถบางคันพ่นสีที่ตัวรถหรือชูธง พร้อมข้อความที่แปลได้ว่า “พี่น้องน้ำหนึ่งใจเดียว” หรือ “รีบไปช่วยเหลือพี่น้องของเรา”
ขณะที่อาสาสมัครจากทั่วประเทศต่างหลั่งไหลเข้ามาในเมืองเดอร์มาเพื่อให้ความช่วยเหลือ ชายหนุ่มคนหนึ่งบรรยายวิธีการที่อาสาสมัครผูกเชือกรอบตัวเพื่อดำดิ่งลงทะเลและกู้ศพขึ้นมา เขาเล่าว่าสามารถกู้ศพได้ถึง 40 ศพด้วยตัวเองภายในหนึ่งวัน
อาสาสมัครกล่าวด้วยว่า พวกเขาต้องการเครื่องมือหนักที่สามารถเคลื่อนย้ายวัตถุขนาดใหญ่ เช่น รถยนต์ ขนย้ายศพออกจากทะเล รวมทั้งต้องการนักดำน้ำและอุปกรณ์ดำน้ำ
นอกจากความช่วยเหลือจากชาวลิเบียด้วยกันเองแล้ว ยังมีการสนับสนุนจากนานาชาติ ซึ่งรวมถึงทีมกู้ภัยตุรกีบนเรือยาง แต่ถึงกระนั้นความช่วยเหลือก็ยังไม่มากพอ โดยทีมข่าว CNN รายงานว่า ที่สนามบินเบนินาในเมืองเบงกาซี ดูเหมือนความช่วยเหลือจากนานาประเทศจะหลั่งไหลเข้ามาไม่มากอย่างที่คาด หลังเกิดเหตุการณ์ภัยพิบัติขนาดใหญ่เช่นนี้
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ของ LNA กล่าวว่า การสนับสนุนของทีมงานจากประเทศต่างๆ นั้น ช่วยให้ลิเบียรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนได้
ภาพ: Abdullah DOMA / AFP
อ้างอิง: