มีรายงานมากมายที่หาอ่านได้ตามบทความของโรงพยาบาลชื่อดังต่างๆ ที่ระบุตรงกันว่าคนไทยส่วนใหญ่ร้อยละ 80 ป่วยเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมกันทั้งนั้น ซึ่งมีตั้งแต่ช่วงอายุ 16-44 ปี ซึ่งพบได้มากที่สุด ส่วนใหญ่จะมีไลฟ์สไตล์นั่งโต๊ะเป็นเวลานานในพื้นที่จำกัด ขาดการยืดเหยียดเปลี่ยนท่า บางคนก้มมองโทรศัพท์มือถือติดต่อกันหลายชั่วโมงโดยไม่รู้ตัว ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้คือต้นเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดกลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรม ที่ส่งผลเสียต่อสายตา ระบบทางเดินหายใจ รวมถึงอาการทางระบบกล้ามเนื้อที่พบได้มากที่สุด เช่น การปวดหลัง ปวดคอ ไหล่ตึง เมื่อยตามร่างกาย ข้อต่อกระดูก บางคนเป็นนิ้วล็อก และลามไปถึงอาการปวดหัว ปวดไมเกรตตามมาด้วย เมื่อคนไทยส่วนใหญ่เป็นโรคออฟฟิศซินโดรมกันมากขนาดนี้ ที่พึ่งสำคัญที่เป็นจุดหมายของทุกคนจึงหนีไม่พ้นคลินิกแพทย์แผนจีน ที่ถือว่ามาแรงมากๆ โดยเฉพาะในกลุ่มชาวออฟฟิศซินโดรม
แม้แต่ผู้เขียนเองก็หลีกหนีโรคนี้ไม่พ้นเช่นกัน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ต้องเดินทางตามแผนที่มายัง Saran Clinic ซึ่งตั้งอยู่ในซอยพระรามเก้า 57 ว่ากันว่าที่แห่งนี้โดดเด่นเรื่องการฝังเข็ม ครอบแก้ว จัดกระดูก สปาตา ฯลฯ ซึ่งเป็นหมุดหมายยอดฮิตของเหล่าคนเมืองที่มักแวะเวียนมาใช้บริการเพื่อผ่อนคลายความเจ็บปวดให้ทุเลาเบาบางลง เราได้พบกับ หมอกาแฟ-ชญานนท์ นวนพรัตน์สกุล แพทย์แผนจีนมือหนึ่งที่เชี่ยวชาญทั้งด้านการฝังเข็มและครอบแก้ว เราจะพาทุกคนไปไขความลับของเทรนด์รักษาความเจ็บปวดว่าเพราะอะไรทำไมถึงได้รับความนิยมสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่
จุดเริ่มต้นของศาสตร์แพทย์แผนจีน
หมอกาแฟ: ศาสตร์แพทย์แผนจีนในประเทศจีน จริงๆ มีนานแล้วกว่า 4,000 ปี นะครับ เรียกว่าเป็นศาสตร์ที่ก่อกำเนิดมาก่อนสมัยพุทธกาลอีก ส่วนที่ประเทศไทยของเราเอง ต้องยอมรับว่าแพทย์แผนจีนรวมถึงการรักษาด้วยศาสตร์แผนจีนต่างๆ เริ่มมีบทบาทมากขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เห็นได้จากกระทรวงสาธารณสุขเองที่เขาเปิดให้มีการขึ้นทะเบียนแพทย์แผนจีนในประเทศไทย ซึ่งให้การยอมรับว่าการรักษาด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีน ก็ถือเป็นการรักษาอีกแขนงหนึ่ง และมีการอนุญาตให้เปิดหลักสูตรการเรียนการสอนเกี่ยวกับแพทย์แผนจีนด้วย
จุดเด่นของการรักษาด้วยแพทย์แผนจีน
หมอกาแฟ: ศาสตร์แพทย์แผนจีนมีจุดเด่นตรงที่มันเป็นธรรมชาติบำบัด จะใช้ทุกอย่างที่เป็นธรรมชาติเข้ามามีส่วนร่วมในการรักษาอาการต่างๆ รวมถึงมีการกระตุ้นให้ร่างกายสามารถรักษาตัวเองได้ต่อไป หลักการอธิบายง่ายๆ สมมติว่าคนๆ หนึ่งไม่ว่าจะป่วยเป็นโรคอะไรก็ตาม ส่วนสำคัญคืออยู่พฤติกรรมที่ผ่านมาของตัวเราเองทั้งนั้น เรานอนไม่พอเอง เรากินอาหารไม่ดีเอง เราไม่ออกกำลังกายเอง อีกส่วนหนึ่งที่ก่อให้เกิดอาการป่วยคือจากโรคภายนอก อย่างสถานการณ์ปัจจุบันก็เช่นมีโรคโควิด-19 เข้ามา เป็นต้น การรักษาด้วยศาสตร์จีน อย่างของจีนเอง เขาจะทำให้ร่างกายของคนเราแข็งแรงก่อน ต่อให้มีเชื้อโรคภายนอกอะไรเกิดขึ้น ก็ทำอะไรไม่ได้ถ้าเรามีร่างกายที่แข็งแรงเป็นเกราะป้องกัน และการรักษาที่แพร่หลายในปัจจุบันมี 2 ทางหลักๆ คือการฝังเข็ม และการรักษาด้วยสมุนไพร
การวินิจฉัยโรคก่อนฝังเข็มมีขั้นตอนอย่างไร
หมอกาแฟ: หลักๆ ก็จะวินิจฉัยจากการตรวจ ด้วยการสังเกตลักษณะของลิ้น การแมะ (จับชีพจรบริเวณข้อมือ) ซึ่งจะสามารถบ่งบอกได้ถึงพลังของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายว่าผิดปกติหรือมีปัญหาจุดไหนบ้าง รวมถึงการซักถามพูดคุย เพื่อให้ได้ข้อมูลพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนไข้ให้เยอะที่สุด แล้วนำมาประมวลผล ซึ่งผลลัพธ์ของแต่ละคนก็จะไม่เหมือนกัน ตัวอย่างเช่น ปวดหัวเหมือนกัน แต่บางคนปวดหัวเพราะความเย็น ขณะที่บางคนปวดหัวเพราะความร้อน การรักษาก็จะไม่เหมือนกัน
ปัญหาอันดับ 1 ของคนไข้ชาวไทย ที่รักษาได้ด้วยการฝังเข็ม+ ครอบแก้ว
หมอกาแฟ: แน่นอนว่าต้องเป็นออฟฟิศซินโดรม เป็นโรคคนเมืองที่พบได้บ่อย สำหรับที่นี่ก็จะใช้วิธีการรักษาแบบฝังเข็มร่วมกับการครอบแก้ว ซึ่งจะได้ผลดีที่สุด ซึ่งสามารถทำการรักษาโรคด้วยศาสตร์แพทย์แผนจีนดังนี้
การฝังเข็ม
คือการที่แพทย์ใช้เข็มขนาดเล็กปักลงในจุดต่างๆ ของร่างกาย แล้วกระตุ้นโดยใช้นิ้วมือหมุนปั่น หรือใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้า ใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที เพื่อแก้ไขการไหลเวียนของเลือดลมปราณที่ติดขัด ปรับอวัยวะต่างๆ ในร่างกายให้สมดุล กระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย สรรพคุณของการฝังเข็ม สามารถรักษาอาการปวดหลัง, ปวดศีรษะ, มือเท้าชา, อัมพฤกษ์, อัมพาต, นอนไม่หลับ, เครียดไมเกรน, วิตกกังวล, ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ, โรคกล้ามเนื้อเอ็น ข้อกระดูก และปลายประสาทชา, ปวดข้อรูมาตอยด์, ตะคริว, ชาปลายมือปลายเท้า, ข้อเข่าเสื่อม, อาการปวดต่างๆ รวมถึงโรคฮิตอย่างออฟฟิศซินโดรมด้วย
การครอบแก้ว
เป็นการบำบัดอาการปวด คือการใช้กระปุกสุญญากาศครอบไปบนผิวหนัง โดยมีวิธีทำให้กระปุกเกิดสุญญากาศ ทั้งจากการใช้ไฟลนภายในกระปุกก่อนที่จะครอบลงบนผิวหนัง หรือการที่ใช้อุปกรณ์ดูดอากาศออกจากกระปุกที่ครอบลงไปแล้ว ซึ่งการครอบแก้วมีสรรพคุณคือช่วยกระตุ้นระบบการไหลเวียนของโลหิต, ปรับการไหลของเลือดลม ไม่ให้เกิดการอุดตัน, ช่วยบรรเทาอาการอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อจากการคั่งของของเสีย, กระตุ้นการไหลเวียนของระบบน้ำเหลือง, เสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง และการตอบสนองต่อการอักเสบ, กระตุ้นการทำงานของระบบประสาท, ช่วยบรรเทาอาการปวดเคล็ดตามเส้น, ช่วยจำกัดของเสีย และระบายความชื้นออกจากร่างกาย, ช่วยปรับสมดุลร่างกาย ทำให้แข็งแรงและมีพละกำลังเพิ่มขึ้น
ภาพ: Saran Clinic
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
- Saran Clinic ตั้งอยู่ที่ซอยพระรามเก้า 57 ให้บริการการรักษาทางเลือก เช่น ฝังเข็ม ครอบแก้ว กัวซา จัดกระดูก และสปาตา
- เวลาเปิด-ปิด: วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.00-19.00 น., วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-20.00 น.
- ราคาฝังเข็ม: ราคาปกติ 850 บาท/ครั้ง, ราคาคอร์ส 5 ครั้ง 4,250 บาท (+ฟรี 1 ครั้ง), 10 ครั้ง 8,500 บาท (+ฟรี 3 ครั้ง) และ 20 ครั้ง 17,000 บาท (+ฟรี 7 ครั้ง)
- ราคาครอบแก้ว: ราคาปกติ 500 บาท/ครั้ง, ราคาคอร์ส 5 ครั้ง 2,500 บาท, 10 ครั้ง 4,000 บาท
- โทรนัดหมายได้ที่ โทร. 09 7197 3715, Facebook: saranclinicbkk, Instagram @saranclinic