วันนี้ (30 มิถุนายน) คณะกรรมาธิการพิจารณาศึกษาผลกระทบจากการเข้าร่วมความตกลงที่ครอบคลุมและก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) โดยสภาผู้แทนราษฎร ได้มีมติจะขออนุมัติต่อสภาฯ เพื่อขยายเวลาศึกษาผลกระทบฯ ต่อไปอีก 60 วัน นับจากวันที่ 10 กรกฎาคม 2563
ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการและอนุกรรมาธิการทั้ง 3 คณะได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ภาคส่วนต่างๆ เข้าชี้แจงมุมมองและผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจาก CPTPP อย่างละเอียด เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดของประชาชนและประเทศไทยในการพิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการเข้าร่วม CPTPP
ซึ่งแนวคิดการตั้งคณะกรรมาธิการนี้ เกิดขึ้นจากการประชุมนอกรอบที่ประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2563 ที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่าเวลานี้เรายังอยู่ในขั้นตอนว่าจะไปเจรจาหรือไม่ สิ่งสำคัญคือต้องให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม จะได้เข้าใจข้อมูลทุกด้านและหาข้อสรุปที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศที่สุด โดยจะมีการประสานไปยังฝ่ายนิติบัญญัติให้มีการตั้งกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาข้อดี-ข้อเสีย เปิดกว้างให้ผู้แทนประชาชนได้แสดงความเห็นกันอย่างเต็มที่
ต่อมาเมื่อวันที่ 16 มิถุนายนที่ผ่านมา พล.อ. ประยุทธ์ ยังได้เน้นย้ำในคณะรัฐมนตรีว่า “รัฐบาลยืนยันว่าจะยึดผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้งและประชาชนเป็นสำคัญ”
เมื่อคณะกรรมาธิการที่ตั้งขึ้นยังศึกษายังไม่แล้วเสร็จ มีหลายประเด็นที่เป็นเรื่องละเอียดอ่อน และอาจจะส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อประชาชน และยุทธศาสตร์ของประเทศที่จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง จึงมีความจำเป็นที่รัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ ต้องรอการศึกษาอย่างรอบคอบและรอบด้าน จากกรรมาธิการและอนุกรรมาธิการชุดต่างๆ โดยไม่ควรเร่งเพื่อขอเข้าร่วมการเจรจา
อย่างไรก็ตาม กลุ่มศึกษาข้อตกลงเขตการค้าเสรีภาคประชาชน (เอฟทีเอ ว็อทช์) ขอให้รัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ รักษาคำพูดที่ว่าจะยึดผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง และประชาชนเป็นสำคัญ ด้วยการรอฟังผลการพิจารณาของทางคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาผลกระทบจาก CPTPP ให้แล้วเสร็จ ก่อนที่จะตัดสินใจไปเข้าร่วมขอเจรจาเป็นภาคี
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์