วันนี้ (12 กุมภาพันธ์) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ. อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวเรื่องการแก้ปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนและเงินนอกงบประมาณในกองทัพบก ระบุว่าตนพยายามทำหลายเรื่อง และได้ทำไปหลายเรื่องแล้ว แต่อย่างที่บอกแล้วว่า propaganda ไม่เก่ง
พล.อ. อภิรัชต์ กล่าวถึงการลงนามกับกระทรวงการคลังในเรื่องทรัพย์สินราชพัสดุกับกระทรวงการคลังว่า ในส่วนของขั้นตอนจะนำเรื่องที่เป็นสวัสดิการดั้งเดิมของกองทัพบก เช่น สนามกอล์ฟ โรงแรม และสนามมวย ไปหารือกับกระทรวงการคลัง ซึ่งขณะนี้ได้ข้อยุติแล้วว่าจะเริ่มดำเนินการที่ใดบ้าง เพราะต้องเริ่มเป็นเฟสหรือระยะ
โดยเฟสที่ 1 เริ่มต้นที่โรงแรมสวนสนประดิพัทธ์ สนามกอล์ฟ และสนามมวย โดยจะมีการบันทึกเอ็มโอยูกับกระทรวงการคลังเพื่อใช้สวัสดิการเชิงพาณิชย์และเป็นไปตามกฎหมาย หมายความว่าได้รับที่ไหนมาก็ต้องแบ่งให้กระทรวงการคลัง จากนั้นกระทรวงการคลังก็จะพิจารณาสัดส่วนคืนให้เป็นสวัสดิการของกองทัพบก ซึ่งก็จะนำไปเข้ากองทุนสวัสดิการต่อไป การบริหารจัดการทั้งหมดจะให้เอกชนเข้ามาดำเนินการมากกว่าจะใช้ทหาร เพราะมีความเป็นมืออาชีพ เนื่องจากเราไม่ได้เรียนการโรงแรมมา เราไม่ได้เรียนการบริหารจัดการมา แต่เรามีบุคลากรที่ยังทำงานอยู่
พล.อ. อภิรัชต์ กล่าวอีกว่าอะไรที่ไม่ดีก็ยอมรับ แต่อย่ามาตีซ้ำตีซ้อน ตนแก้ไข ไม่ใช่พูดอย่างเดียวแล้วไม่ทำ ไปถามกองทัพบกดูได้ ในสิ่งที่ทำตนก็ยอมรับ ไม่ใช่แค่สิ่งที่ผิดพลาดและที่เกิดขึ้นนอกกองทัพบก ตนพยายามแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดและต้องแบกรับผลกระทบจากกำลังพลที่ไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะวัตถุประสงค์คือกองทัพบกต้องอยู่
นักข่าวถามว่าการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเกิดจากเปิดเผยข้อมูลของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เรื่องเงินนอกงบประมาณของกองทัพใช่หรือไม่
พล.อ. อภิรัชต์ กล่าวว่าจริงๆ ตนทำมาก่อนแล้ว แต่บางครั้งเป็นเรื่องภายในของกองทัพบกที่ผู้บังคับบัญชาหลายคนคุยกันและมีการจัดระเบียบยุทโธปกรณ์ ซึ่งตนพูดได้เต็มปากว่าทำตั้งแต่ตอนเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ขณะที่รับผิดชอบเรื่องสายงานการส่งกำลังบำรุง
ดังนั้นมาตรการต่างๆ ถือว่าดีแล้ว แต่หากยังหละหลวมอยู่ก็ต้องเพิ่มไป การลงโทษกำลังพลยอมรับว่ากองทัพบกมีกำลังพลเป็นจำนวนมาก แต่ก็ไม่เป็นอะไร เดี๋ยวต้องเลย์ออฟออกไป มีมากก็ไม่ต้องทำงาน และตนเอาจริงอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเด็กใคร ค่ายไหน ตนไม่สน อย่ามาอ้าง ทุกวันนี้การมาฝากเป็นโน่นเป็นนี่ ตนให้ 99% ที่จะไม่มีตรงนี้ อาจจะมีจดหมายหลุดมาบ้าง ถือว่ากล้าหาญมากที่ทำ แต่ก็พิจารณา ถ้าไม่ดี คนเสนอต้องรับผิดชอบ เพราะทุกวันนี้ทหารต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่มีค่ายตามที่สื่อเคยเรียก
ส่วนความคืบหน้าการเปิดช่องทางให้ทหารชั้นผู้น้อยร้องเรียน พล.อ. อภิรัชต์ ระบุว่าเตรียมเปิดคอลเซ็นเตอร์รับเรื่องร้องเรียนจากกำลังพลชั้นผู้น้อย โดยจะมีเครื่องบันทึกเสียงไว้เป็นหลักฐาน และคนร้องเรียนจะต้องบอกยศ ชื่อ นามสกุล สังกัด และส่งหลักฐานมาเพิ่มเติมได้ แต่จะถูกปกปิดข้อมูลเป็นความลับ จะมีทีมงานมาพูดคุยสอบถาม และจะรายงานถึงผู้บัญชาการทหารบกโดยตรง คาดว่าจะเปิดได้ในวันจันทร์ 17 กุมภาพันธ์นี้ ดังนั้นหน่วยทหารหรือทหารที่ถูกร้องเรียนต้องแก้ไข ไม่เช่นนั้นจะมีการลงโทษ
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
