×

CIMBT กำไรสุทธิปี 64 จำนวน 2.4 พันล้าน โต 89.1% ผลจากการคุมเข้มค่าใช้จ่าย

21.01.2022
  • LOADING...
CIMB

ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ประกาศกำไรสุทธิปี 2564 ที่ 2,440.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,150 ล้านบาท หรือ 89.1% เมื่อเปรียบเทียบผลกำไรสุทธิของงวดเดียวกันปี 2563 สาเหตุหลักเกิดจากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้นส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 8.1% และผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง 25.7% ในขณะที่รายได้จากการดำเนินงานลดลง 3.9%

 

ทั้งนี้ รายได้จากการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 มีจำนวน 14,347.4 ล้านบาท ลดลงจำนวน 579.7 ล้านบาท หรือ 3.9% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปี 2563 เป็นผลจากการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 988.5 ล้านบาท หรือ 9% ตามการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อและธุรกิจเช่าซื้ออันเนื่องมาจากการขยายตัวของสินเชื่อลดลง   

 

ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิของธนาคารอยู่ที่ 337.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.9% ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมจากการเป็นนายหน้าขายประกันและหน่วยลงทุน รายได้จากการดำเนินงานอื่นเพิ่มขึ้นจำนวน 71.2 ล้านบาท หรือ 2.6% สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุน

 

สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปี 2563 ลดลงจำนวน 723.3 ล้านบาทหรือ 8.1% เนื่องจากการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้จากการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2564 อยู่ที่ 57% ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2563 อยู่ที่ 59.6%

 

อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Net Interest Margin: NIM) สำหรับปี 2564 อยู่ที่ 3.1% ลดลงจากงวดเดียวกันปี 2563 อยู่ที่ 3.2% เป็นผลจากการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อและธุรกิจเช่าซื้อ

 

ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 เงินให้สินเชื่อสุทธิจากรายได้รอตัดบัญชี (รวมเงินให้สินเชื่อซึ่งค้ำประกันโดยธนาคารอื่นและเงินให้สินเชื่อแก่สถาบันการเงิน) ของกลุ่มธนาคารอยู่ที่ 2.11 แสนล้านบาท ลดลง 6.6% เมื่อเทียบกับเงินให้สินเชื่อ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 กลุ่มธนาคารมีเงินฝาก (รวมตั๋วแลกเงิน หุ้นกู้ และผลิตภัณฑ์ทางการเงินบางประเภท) จำนวน 2.33 แสนล้านบาท ลดลง 7.1% จากสิ้นปี 2563 ซึ่งมีจำนวน 2.5 แสนล้านบาท โดยอัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก (The Modified Loan to Deposit Ratio) ของกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้นเป็น 90.9% จาก 90.5% 

 

ด้านสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs) อยู่ที่ 7.9 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อทั้งสิ้นอยู่ที่ 3.7% ลดลงเมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2563 อยู่ที่ 4.6% สาเหตุหลักจากการขายสินเชื่อด้อยคุณภาพในปี 2564 การบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ การปรับปรุงการบริหารคุณภาพสินทรัพย์และกระบวนการในการเก็บหนี้

 

อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 อยู่ที่ 117.5% เพิ่มขึ้นจากวันที่ 31 ธันวาคม 2563 ซึ่งอยู่ที่ 93.3% ค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของกลุ่มธนาคารอยู่ที่จำนวน 8.3 พันล้านบาท เป็นเงินสำรองส่วนเกินตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 1.5 พันล้านบาท

 

เงินกองทุนรวมของกลุ่มธนาคาร ณ สิ้นวันที่ 31 ธันวาคม 2564 มีจำนวน 5.44 หมื่นล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยง 22.4% โดยเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่ 16.3%

 


ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH

Twitter: twitter.com/standard_wealth

Instagram: instagram.com/thestandardwealth

Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising