วานนี้ (20 กันยายน) ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ให้สัมภาษณ์รายการ THE STANDARD NOW กล่าวถึงกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษายกฟ้อง สุเทพ เทือกสุบรรณ และจำเลยทั้งหมด ในคดีโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ (โรงพัก) ทดแทนทั่วประเทศ 396 แห่ง โดยระบุว่าต้องขอแสดงความยินดีกับสุเทพด้วย
“ผมต้องยินดีกับคุณสุเทพ เพราะคุณสุเทพนี่เก่งจริงๆ ความเก่งของคุณสุเทพคือมีการต่อสู้ระยะเวลายาวนานกว่า 10 ปี เป็นตราบาปของคุณสุเทพ วันนี้คุณสุเทพก็ยกภูเขาออกจากอก ผมก็ต้องยินดี” ชูวิทย์กล่าว
ชูวิทย์ได้ย้อนถึงการอภิปรายในสภาของตนเองถึงกรณีนี้เมื่อครั้งเป็นหัวหน้าพรรครักประเทศไทยและ ส.ส. ในสภา โดยกล่าวว่าวันนั้นตนเองไม่ได้อภิปรายถึงสุเทพ แต่อภิปราย ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ในเวลานั้น
ชูวิทย์ได้นำเอกสารที่ตนเองเคยใช้ในการอภิปรายเมื่อปี 2555 โดยชี้ว่าโครงการก่อสร้างโรงพักทดแทนนั้นอยู่ในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์เพียง 150 วัน และเข้าสู่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยอีก 300 วัน ก่อนจะมีการขยายสัญญาครั้งที่ 1 อีก 30 วัน และขยายสัญญาครั้งที่ 2 อีก 180 วัน
“ตอนนั้นผมและพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นฝ่ายค้านด้วยกัน ผมจะไปอภิปรายฝ่ายค้านด้วยกันได้อย่างไร ผมก็งงอยู่เหมือนกันทุกวันนี้ ผมไม่รู้ว่าคดีจะถึงพรรคประชาธิปัตย์ ผมสาบานเลย แต่เพราะว่าความโง่เขลาเบาปัญญาของผมหรือเปล่า ที่ทำให้มีการบิดเบือน และบอกว่าถ้าอย่างนั้นต้องไปดูว่าใครเป็นคนเซ็น หวยเลยไปออกที่คุณสุเทพ
“ผมเลยบอกว่าวันนี้ต้องยินดีกับคุณสุเทพ เพราะคุณสุเทพมีความเก่ง เป็นนักการเมืองที่ไม่เคยทำผิด หรือคอร์รัปชันอะไรต่างๆ” ชูวิทย์กล่าว
ชูวิทย์กล่าวต่ออีกว่า หากเราดูประเด็นที่ศาลยกฟ้อง มี 2 ประเด็น คือศาลมองว่าสุเทพเป็นคนกำกับดูแลนโยบาย และศาลมองว่าไม่มีการครอบงำ หมายความว่าไม่มีหลักฐานว่ามีการครอบงำที่ทำให้เกิดความเสียหาย หากเทียบกับองค์กรเอกชนก็เหมือนกับซีอีโอของบริษัท หากในบริษัทมีการทุจจริตซีอีโอก็คงไม่ได้รู้ทุกอย่าง
แต่เมื่อเปรียบเทียบคดีจำนำข้าว ซึ่ง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น และถือเป็นผู้กำกับดูแลนโยบายเหมือนกัน แต่คดีจำนำข้าวนั้น ยิ่งลักษณ์ถูกศาลพิพากษาจำคุก 5 ปี คำถามคือทำไมยิ่งลักษณ์โดน เพราะตัวยิ่งลักษณ์ก็ไม่ได้แสดงถึงการครอบงำ หรือมีหลักฐานที่เชื่อมโยงกับตัวยิ่งลักษณ์ ตนไม่ได้ปกป้องยิ่งลักษณ์ แต่สงสัยในฐานะประชาชน
ผู้ดำเนินรายการถามว่า วันนี้ศาลตัดสินให้จำเลยทั้งหมดในคดีนี้ไม่มีความผิด แล้วแบบนี้ใครผิด ชูวิทย์กล่าวว่า “ผมผิดมั้ง ผมผิดที่เอาไปพูดไง คือโครงการนี้มันมีความเสียหายที่เห็นชัด มีแต่เสา สัญญาหมดแล้ว ไม่ได้ก่อสร้าง ความเสียหายมันมี เงินหลวงเมื่อความเสียหายเกิดขึ้น จะกี่บาท ผิดก็ต้องผิดเหมือนกัน อย่างผมไม่รายงานบัญชีทรัพย์สินแสนกว่าบาท ผมยังไปติดคุกเลย” ชูวิทย์กล่าว
ชูวิทย์กล่าวด้วยว่า ตนเองไม่รู้จริงๆ ว่าต้องไปเอาผิดกับใคร เพราะมันล่องหนไปเลย ไร้ตัวตน ประเด็นสำคัญก็คือ ระยะเวลาคดีนี้ 10 ปี มันนานเกินไป อีกทั้งคดีนี้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ป.ป.ช.) เป็นคนฟ้องเอง เนื่องจากอัยการไม่สั่งฟ้อง เพราะฉะนั้น 10 ปี ระว่างทางอาจมีอะไรตกหล่นหายไป
“10 ปีสำหรับการตัดสินหรือกระบวนการของการดำเนินการเกี่ยวกับการคอร์รัปชันมันนานเกินไปด้วยซ้ำ หากประเทศไทยต้องการปราบคอร์รัปชัน ถามว่ามีคอร์รัปชันหรือไม่ ผมก็ยืนยันว่ามี แต่ศาลตัดสินว่าจำเลยทั้งหกไม่ผิด มันก็อาจมีคนอื่นหรือเปล่า ผมไม่รู้”
“มันประหลาดไหมล่ะครับ (ที่ไม่มีคนผิด) ผมก็นั่งคิด พูดกับคนอื่นว่า มิน่าล่ะ ชูวิทย์ถึงเป็นนักการไม่ได้ดี เก่งสู้สุเทพไม่ได้ เก่งสู้คนอื่นไม่ได้ ผมชมจริงๆ คือการเป็นนักการเมืองและก็จะกระทำได้อย่างการต่อสู้คดีกว่า 10 ปี ก็ต้องเข้าใจแกนะ ตราบาปแกเลย” ชูวิทย์กล่าว
ชูวิทย์กล่าวต่อไปว่า คำถามคือความเสียหายเกิดขึ้น มันก็ต้องมีคนผิด แต่อย่าไปโทษใคร โทษตนเองดีกว่า เพราะตนเป็นคนนำไปอภิปราย เพราะถ้าไม่ได้เอาไปอภิปรายมันก็เหมือนโครงการอื่นๆ อย่างพวกเสาไฟฟ้า หรือโครงการคอร์รัปชันต่างๆ ที่ไม่มีใครไปพูดถึง