×

ชวนเปิดใจถูกมองเป็นขวากหนาม ปชป. มองบางกลุ่มเพิ่งเข้ามา อาศัยบารมีรุ่นเก่า

โดย THE STANDARD TEAM
28.08.2024
  • LOADING...

วันนี้ (28 สิงหาคม) ที่อาคารรัฐสภา ชวน หลีกภัย สส. แบบบัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวภายหลังพรรคเพื่อไทยส่งหนังสือเทียบเชิญพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาล โดยระบุว่า วันพรุ่งนี้ (29 สิงหาคม) มีการนัดประชุมกรรมการบริหารพรรคและ สส. พรรค เวลา 19.30 น.

 

ชวนยืนยันในจุดยืนเดิม คือไม่เห็นด้วยกับการเข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทยตั้งแต่วันแรกที่มีการตั้งรัฐบาลชุดของ เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพราะไม่สามารถทรยศประชาชนได้ ซึ่งตนเองได้ขอร้องประชาชนไม่ให้เลือกพรรคไทยรักไทย พรรคเพื่อไทย ไม่ใช่เพราะความขัดแย้งส่วนตัว แต่เป็นเพราะพรรคเหล่านั้นประกาศชัดเจนที่จะพัฒนาจังหวัดที่เลือกเขาก่อน ส่วนจังหวัดอื่นไว้ที่หลัง

 

“วิธีเหล่านี้เราไม่เคยเห็นมาก่อนนับตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองมา 90 ปี ไม่เคยมีรัฐบาลชุดไหน ไม่ว่าจะมาจากการเลือกตั้งหรือมาจากการยึดอำนาจ ยิ่งพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล จะให้ความเป็นธรรมกับทุกภาคอย่างยุติธรรมโดยไม่สนใจว่าจะเลือกใครเป็นรัฐบาล แต่จัดการบ้านเมืองด้วยความเป็นธรรม”

 

ชวนยังระบุว่า ตนเองต่อสู้มาเพียงลำพังเรื่องการเลือกปฏิบัติด้วยการขอว่าอย่าเลือก ไม่ได้ไปกลั่นแกล้งหรือทำร้ายอย่างที่ ราเมศ รัตนะเชวง เคยถูกกระทำ ทำให้เขาได้รับเลือกน้อยมาก ไม่มี สส. ภาคใต้แม้แต่คนเดียว ซึ่งเป็นผลมาจากที่ตนเองรณรงค์ แล้ววันหนึ่งจะมาบอกให้สนับสนุนพรรคที่ตนเคยบอกว่าอย่าเลือก ชัดเจนว่าเป็นการทรยศชาวบ้าน ตนเองทำไม่ได้ จึงขอยืนยันว่าแม้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีแต่จุดยืนยังเหมือนเดิม

 

ยอมรับมติพรรคแม้ไม่เห็นด้วย

 

ส่วนหากในวันพรุ่งนี้มติของพรรคประชาธิปัตย์เห็นด้วยในการร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ชวนกล่าวว่าคงไม่ใช่การเห็นด้วย เพราะมีการติดต่อกันแล้ว ที่มาถามว่าเขามาเชิญ ความจริงคิดว่าคนของเราไปติดต่อเขาก่อนเขาเชิญ หรือสงสัยว่าไปขอให้เขามาเชิญด้วยซ้ำ แต่ตามมารยาทก็มาเชิญด้วยวิธีนี้

 

“ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะก่อนหน้าจะมีหนังสือเชิญคนของเราบางคนก็ไปประสานติดต่อ จึงถูกสื่อมวลชนเรียกว่าพรรคอีแอบ พรรครอเสียบ จึงอยากขออย่าเรียกพรรคประชาธิปัตย์แบบนี้ เพราะเป็นพฤติกรรมของคนส่วนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่คนส่วนใหญ่ การเลือกแบบนี้ทำให้พรรคเสื่อมเสีย อยากปกป้องเกียรติภูมิของพรรค เราไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้คนใดคนหนึ่งได้เป็นนายกฯ อยู่สัก 1-2 สมัยแล้วล้มไป แต่พรรคประชาธิปัตย์อยู่มาเกือบ 80 ปี ปฏิบัติตามอุดมการณ์ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดมั่นหลักประชาธิปไตยมาอย่างยาวนาน ไม่อยากให้เสื่อมเสียด้วยการกระทำของกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบัน” ชวนกล่าว

 

ชวนยังยอมรับว่าตนเองเป็นเสียงข้างน้อยในพรรค ชัดเจนตั้งแต่มีการลงมติเลือกเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ได้หารือกับ บัญญัติ บรรทัดฐาน, จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ และ สรรเพชญ บุญญามณี ว่าอย่างน้อย 4 คน จะยังคงยืนยันในจุดยืนเดิม แต่ไม่ว่ามติของพรรคเป็นอย่างไรก็พร้อมจะเคารพ เพียงแต่ไม่เห็นด้วยที่จะร่วมกับพรรคการเมืองที่เคยกลั่นแกล้งประชาชน

 

ยอมเป็นฝ่ายค้านถ้าเป็นรัฐบาลแล้วเสียศักดิ์ศรี

 

ชวนเชื่อว่าการตัดสินใจร่วมรัฐบาลในครั้งนี้จะส่งผลต่อฐานเสียงภาคใต้ไม่น้อย ส่วนที่หลายคนมองว่าพรรคประชาธิปัตย์อาจสูญพันธุ์ ชวนมองว่าความดีของพรรคยังมีอยู่ ผลงานก็มี แต่คนไม่ค่อยพูดถึง คนที่รู้เขาจะยังระลึกถึง คงต้องใช้เวลาในการพัฒนาพรรคให้กลับมาน่าเชื่อถือเหมือนเดิม เพราะในสมัยก่อนไม่เคยคิดว่าจะต้องร่วมรัฐบาลทุกครั้ง ไม่จำเป็นต้องไปเหมา ไปซื้อพรรค เพื่อเป็นเสียงข้างมากเหมือนอย่างในสมัยของ ทักษิณ ชินวัตร ทำ

 

“แต่เข้าใจว่านักการเมืองรุ่นหลังไม่คิดที่จะเติบโต คิดเพียงว่าจะเป็นรัฐมนตรีสัก 2-3 คนก็พอแล้ว แต่พรรคประชาธิปัตย์ดั้งเดิมเขาไม่คิดอย่างนี้ คิดแต่จะสร้างพรรคให้ใหญ่เพื่อแกนนำเป็นรัฐบาล แต่อย่างไรก็ตาม พรรคประชาธิปัตย์เป็นส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งของบ้านเมือง ที่ควรจะทำบทบาทตัวเองให้มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และมีประโยชน์ต่อบ้านเมือง การเป็นรัฐบาลก็ดี ได้พัฒนาประเทศ แต่ถ้าถึงขนาดเสียศักดิ์ศรีไปเป็นรัฐบาล การเป็นฝ่ายค้านก็ไม่เสียหาย” ชวนระบุ

 

ส่วนที่คนรุ่นใหม่มองว่าหมดยุคของ ‘ลุงชวน’ แล้ว ชวนกล่าวว่ามันไม่มีกำหนดอายุ มีคนคิดเหมือนกันว่าตนเองเป็นขวากหนามของเขา ทำให้ไปร่วมรัฐบาลไม่ได้ จึงพยายามพูดว่าหมดยุคของผู้อาวุโส แต่ในความจริงแล้วตนเองเป็นผู้สร้างมากกว่าผู้ทำลาย และคนที่พูดเหล่านั้นอาศัยบารมีพรรคที่พวกตนได้ทำเอาไว้ แต่คนเหล่านั้นยังไม่เคยทำอะไรที่เป็นประโยชน์กับพรรคเลย เพียงแต่อาศัยชื่อพรรคเพื่อเข้ามาเป็นนักการเมือง ตนเองก็เคยได้ยินเรื่องนี้แต่ไม่ได้โกรธ แม้กระทั่งเรื่องที่จะขับพ้นออกจากพรรค ก็มาดูว่าใครเป็นคนพูด พอทราบก็เข้าใจ เพราะเขาก็เพิ่งเข้าพรรคมาอาศัยบารมีของพรรคที่คนรุ่นก่อนเขาสะสมสร้างมา เฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็นหัวหน้าพรรคคนที่ 10 ซึ่งยังไม่ได้สร้างความน่าเชื่อถือให้พรรคเท่ากับรุ่นก่อน ดังนั้นใครที่คิดจะปลดต้องดูกฎหมาย

 

“ผมยังคงทำหน้าที่ของตัวเองอยู่ ผมกลายเป็นคนหัวคัดค้านทั้งที่มีหลายคนไม่เห็นด้วย แต่เขาไม่อยากเปลืองตัว เป็นการกระทำของคนบางกลุ่ม ทำให้คนทั่วไปยังเข้าใจว่าประชาธิปัตย์โดยทั่วไปยังพอใช้ได้อยู่ เพียงแต่คนบางกลุ่มเท่านั้นที่เข้ามาใช้ตำแหน่งในพรรคเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งคนกลุ่มนั้นไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับผม จนพยายามจะบอกว่าขัดแย้งมาแล้ว 20 ปี จึงอยากถามว่าขัดแย้งเรื่องอะไร ไม่ได้ทะเลาะเพื่อประโยชน์ส่วนตัวกัน แต่เป็นเรื่องของประชาชน”

 

ทั้งนี้ ชวนยอมรับด้วยว่าขณะนี้ไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้งในครั้งหน้าหรือไม่

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X