×

เคล็ดลับการเลือก Smart Watch ให้ตรงกับกีฬาที่ชอบ พร้อมตัวเลือก 13 เรือนที่น่าจับตา

30.12.2020
  • LOADING...
เคล็ดลับการเลือก Smart Watch ให้ตรงกับกีฬาที่ชอบ พร้อมตัวเลือก 13 เรือนที่น่าจับตา

เป็นธรรมดาของการก้าวเข้าสู่ปีใหม่ที่คนมักจะตั้งเป้าหมายในปีต่อไป ไม่ว่าด้วยเรื่องการออกกำลังกาย ลดน้ำหนัก ไปจนถึงเริ่มหยอดกระปุกใหม่อีกครั้ง แต่ก็น่าจะมีอีกหลายคนที่ยังไม่รู้ว่าปีหน้าฟ้าใหม่จะให้อะไรกับตัวเองดี ผมมีทางเลือกง่ายที่สุดมาเสนอ คือเริ่มที่การเปลี่ยนแปลงตัวเองนี่แหละครับใกล้ที่สุดแล้ว โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีต่างๆ เข้ามามีบทบาทต่อชีวิตประจำวันมากขนาดนี้ อุปกรณ์ที่เห็นกันผ่านๆ ตาแต่ทำอะไรได้มากกว่าที่ตาเห็นก็มีอย่างแพร่หลาย ยกตัวอย่างง่ายๆ เลยคือ Smart Watch เป็นของที่เหมาะแก่การเริ่มต้นใหม่อย่างยิ่ง

 

หากสังเกตตัวเลขการเติบโตของ Smart Watch ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2020 จะเห็นว่าเติบโตขึ้นกว่าปีก่อนถึง 20% ซึ่งอาจเป็นผลมาจากเทรนด์รักสุขภาพและโซเชียลมีเดียที่มีส่วนทำให้ Smart Watch โดยเฉพาะในกลุ่มสุขภาพและไลฟ์สไตล์เติบโตขึ้นอย่างชัดเจน เราจึงอยากพาผู้อ่านมาสำรวจนาฬิกาในตลาดบ้านเราว่ามีเรือนไหนน่าสนใจและเหมาะกับการเริ่มต้นปีใหม่ที่ตัวเอง โดยเราแบ่งประเภทไว้สำหรับคนออกกำลังกาย คนเล่นฟิตเนส คนเล่นกิจกรรมกลางแจ้ง ไปจนถึงกลุ่มไลฟ์สไตล์ที่สวมใส่และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันได้คุ้มค่าที่สุด 

 

 

กลุ่มนักวิ่ง / For Runner

นาฬิกาสำหรับนักวิ่งมีปัจจัยที่ต้องคำนึงอยู่ไม่กี่อย่างก่อนตัดสินใจซื้อ เพราะเราเชื่อว่านักวิ่งหลายคนที่เพิ่งเริ่มต้นวิ่งใหม่ๆ คงอยากเห็นพัฒนาการของตัวเองเป็นตัวเลขแบบชัดๆ (นี่ยังไม่รวมว่าอยากอวดเพื่อนลงโซเชียล) สิ่งที่สำคัญที่สุดของนาฬิกาสายวิ่งคือระบบ GPS เพราะมันช่วยบันทึกเส้นทางวิ่ง ความเร็วในการวิ่ง บางรุ่นคำนวณได้ถึงรอบขาในการก้าวด้วยซ้ำ จะเห็นว่านาฬิกาบางรุ่นใส่ GPS มาให้ แต่บางรุ่นก็ไม่ได้ใส่มา จึงต้องอาศัย GPS จากการพ่วงสมาร์ทโฟน เพิ่มความยุ่งยากไปอีก ดังนั้นการเลือกนาฬิกาที่มีระบบติดตามเส้นทางในตัว ช่วยให้การวิ่งสะดวกขึ้นแน่นอน 

เรื่องที่มีผลต่อมาคือระบบวัดอัตราการเต้นของหัวใจ หลายคนคงเห็นข่าวนักวิ่งหัวใจวายอยู่บ่อยครั้ง แม้ว่านาฬิกาที่วัดอัตราการเต้นของหัวใจจะไม่ได้ช่วยทำให้โรคนี้หาย แต่อย่างน้อยก็พอจะบอกได้ว่าหัวใจของเราทำงานหนักแค่ไหนเวลาออกกำลังกาย ซึ่งนาฬิกาแทบทุกยี่ห้อมีฟังก์ชันนี้ติดเครื่องอยู่แล้ว อีกปัจจัยสำหรับนักวิ่งที่เริ่มจริงจังขึ้นมาคือเรื่องแบตเตอรี่ ส่วนมากแล้วนาฬิกาออกกำลังกายมักใช้งานได้หลายวัน แต่ถ้าคุณเปิดฟังก์ชัน GPS ด้วยย่อมทำให้ระยะเวลาในการใช้งานลดน้อยลง บางรุ่นยังไม่ทันจบมาราธอนแต่นาฬิกาดับไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นการเลือกนาฬิกาที่สามารถใช้งานต่อเนื่องหลายชั่วโมง (ปัจจุบันนาฬิการุ่นท็อปสามารถพร้อมเปิดโหมด GPS ใช้งานได้สูงสุดประมาณ 40-60 ชั่วโมง) จึงเหมาะกับนักวิ่งทางไกล โดยเฉพาะหากคุณคิดจะลงแข่งขันวิ่งเทรลที่ระยะมากกว่า 50-100 กิโลเมตรขึ้นไป ก็เป็นปัจจัยที่ควรคำนึงถึงอย่างยิ่ง

 

ส่วนฟังก์ชันการใช้งานย่อยๆ ที่บางแบรนด์ก็ใส่มาให้ แต่บางแบรนด์ก็ไม่ เช่น การตรวจวัดค่าการใช้งานออกซิเจนขณะออกกำลังกาย (VO2MAX), ฟังก์ชันวัดระดับออกซิเจนในเลือด, ฟังก์ชันวัดรอบขา, วัดความชันเฉลี่ย (Gain) ขณะวิ่งขึ้นลงเขา ไปจนถึงระบบทัชสกรีน (นักวิ่งบางคนก็ชอบ บางคนก็ไม่) สามารถเลือกให้ตอบโจทย์การใช้งานได้ทั้งนั้น 

(ซ้ายไปขวา, จากบนลงล่าง) Garmin 245 Music, Suunto 5, Coros Apex และ Polar Vantage V2  

(ซ้ายไปขวา, จากบนลงล่าง) Garmin 245 Music, Suunto 5, Coros Apex และ Polar Vantage V2  

 

ตัวเลือกสำหรับนักวิ่ง 

Garmin 245 Music ราคา 12,990 บาท – ข้อดีของ Garmin คือมีศูนย์บริการและแอปพลิเคชันรองรับหลากหลาย มีกลุ่มผู้ใช้งาน Garmin จำนวนมาก จึงง่ายต่อการซื้อขาย แม้ว่าจะเป็นรุ่นที่มีปัญหาอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ก็ยังเป็นรุ่นที่มีคนใช้มากที่สุดอยู่ดี หรือใครที่จริงจังเรื่องการวิ่งขึ้น อาจจะขยับไปรุ่น Garmin 945 (ราคา 22,990 บาท) ซึ่งเป็นตัวจบของสายนี้เลยก็ว่าได้

 

Suunto 5 ราคา 11,900 บาท – แบรนด์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานที่สุด อาจจะเป็นรอง Garmin เรื่องความนิยม แต่ก็มีจุดเด่นอยู่ที่ระบบการใช้งานและฟังก์ชันลุยๆ โดยเฉพาะสายเทรลขึ้นลงเขาน่าจะโดนใจไม่น้อย ทางแบรนด์ยังกิจกรรมให้เล่นอยู่เรื่อยๆ ส่วนคนชอบวิ่งระยะไกลแนะนำให้ขยับไปรุ่น Suunto 9 (ราคา 14,900 บาท) เลยดีกว่า 

 

Coros Apex ราคา 11,900 บาท – แบรนด์น้องใหม่ที่มีจุดขายอยู่ที่แบตเตอรี่ทนทานที่สุดในรุ่นและอัดแน่นไปด้วยฟีเจอร์ต่างๆ ไม่ว่าจะรุ่นเริ่มต้นอย่าง Apex หรือขยับเป็น Apex Pro (ราคา 16,900 บาท) สำหรับใครที่จริงจังขึ้น ถือเป็นน้องใหม่ไฟแรงแห่งวงการ Smart Watch

 

Polar Vantage V2 ราคา 22,990 บาท – แบรนด์อุปกรณ์วัดผลการออกกำลังกายจากฟินแลนด์ เพิ่งหันมาทำนาฬิกาของตัวเองได้ไม่ถึงสิบปี เป็นอีกตัวเลือกที่ไม่ซ้ำใครและมีฟังก์ชันให้ใช้ครบถ้วนไม่แพ้แบรนด์อื่นๆ แถมหน้าตายังดูดีมากๆ เสียอย่างเดียวที่ศูนย์บริการน้อยไปหน่อย

 

 

กลุ่มรักสุขภาพ / For Health

เทรนด์รักสุขภาพทำให้หลายๆ ธุรกิจเติบโตไปพร้อมๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นการเปิดยิมแบบ 24 ชั่วโมงเพื่อตอบโจทย์คนทำงานมากขึ้น ไปจนถึงอุปกรณ์ต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่นาฬิกาเพื่อการออกกำลังกายที่กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปเสียแล้ว นอกจากนี้ยังช่วยให้การออกกำลังกายสนุกขึ้นด้วย เพราะคุณสามารถติดตามผลการออกกำลังกายเสมือนมีโค้ชอยู่ข้างกายตลอดเวลา นาฬิกาสำหรับสายสุขภาพที่นิยมใส่เข้ายิมหรือออกกำลังกายในร่ม ไม่จำเป็นต้องมีฟังก์ชันมากมายและมีราคาสูงโดยใช่เรื่อง รวมถึงไม่ต้องมีขนาดใหญ่เทอะทะ ผู้ชายหรือผู้หญิงก็สามารถสวมใส่ได้ 

 

นอกจากเรื่องการออกกำลังกาย สิ่งที่คนกลุ่มนี้น่าจะชอบคือฟังก์ชันติดตามการนอนหลับ เพราะการพักผ่อนก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าการนอนในแต่ละวันมีคุณภาพหรือไม่ นาฬิกาเหล่านี้จะเข้ามาช่วยคุณตรงจุดนั้น อย่างไรก็ตามอาจมีบางคนไม่ชอบสวมนาฬิกาเข้านอนเพราะรู้สึกไม่สบายตัว ก็ไม่เป็นไร มีติดเครื่องไว้อุ่นใจกว่าไม่มี

(ซ้ายไปขวา) Fitbit Versa 3, Garmin Vivoactive 4 และ Suunto 3 Fitness  

(ซ้ายไปขวา) Fitbit Versa 3, Garmin Vivoactive 4 และ Suunto 3 Fitness  

 

ตัวเลือกสำหรับคนรักสุขภาพ

Fitbit Versa 3 ราคา 9,190 บาท – แบรนด์ Fitbit โดดเด่นเรื่องคลังข้อมูลจากผู้ใช้งานทั่วโลก ที่เข้ามาช่วยติดตามและประมวลผลการทำงานของร่างกาย ที่สำคัญยังมีฟังก์ชันติดตามการนอนหลับเป็นจุดขาย ให้ผู้ใช้รู้ว่าตัวเองหลับจริงๆ วันละกี่ชั่วโมงอีกด้วย  

 

Garmin Vivoactive 4 ราคา 13,500 บาท – อัดแน่นไปด้วยฟังก์ชันพื้นฐาน โหมดการออกกำลังกายประเภทต่างๆ รวมถึงประสิทธิภาพการใช้งานเทียบเท่านาฬิการุ่นท็อปได้เลย

 

Suunto 3 Fitness ราคา 5,900 บาท – ขึ้นชื่อว่าฟิตเนสจึงตัดฟังก์ชันอะไรที่ไม่จำเป็นออกไป เช่น ระบบ GPS แต่ก็ทดแทนด้วยระบบติดตามการออกกำลังกายในร่ม สายฟิตเนสน่าจะชอบ

 

 

กลุ่มกิจกรรมกลางแจ้ง / For Outdoor Activity 

ตัวเลือกของกลุ่มคนรักกีฬาหรือกิจกรรมกลางแจ้งควรเริ่มพิจารณาจากฟังก์ชันการใช้งานเป็นหลัก แน่นอนว่านาฬิกาทุกแบรนด์ล้วนมีฟังก์ชันพื้นฐานอย่างวัดอัตราการเต้นของหัวใจ โหมดออกกำลังกายจำพวกวิ่ง ปั่น ว่ายน้ำอยู่แล้ว แต่นาฬิกาบางรุ่นอาจเพิ่มเติมกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งโดยเฉพาะ อย่างเช่น ดำน้ำ, ยิงปืน, เดินป่า, พายคายัก ไปจนถึงไตรกีฬาที่สามารถหยิบไปใช้งานได้อย่างครบวงจร เพราะฉะนั้นสิ่งที่นำมาพิจารณาน่าจะเป็นระบบการทำงานระหว่างแอปพลิเคชันกับตัวนาฬิกาของแต่ละแบรนด์ว่าใครชอบลักษณะไหน หรือดีไซน์ของตัวเรือนไปอยู่บนข้อมือใครแล้วรู้สึกว่าใช่มากกว่า ไปจนถึงฟังก์ชันเฉพาะทางอื่นๆ ที่เหล่านักกีฬาบางคนต้องการเพิ่มเติมก็สามารถเลือกให้เหมาะสมกับตัวเองได้

(ซ้ายไปขวา) Garmin Fenix 6, Coros Vertix และ Polar Grit X  

(ซ้ายไปขวา) Garmin Fenix 6, Coros Vertix และ Polar Grit X  

 

ตัวเลือกสำหรับคนเล่นกีฬากลางแจ้ง 

Garmin Fenix 6 ราคา 30,500 บาท – นาฬิกาสายลุยที่มีฟังก์ชันให้ใช้ครบถ้วน ไม่ว่าคุณจะออกกำลังกายประเภทไหน วิ่ง ปั่น ว่ายน้ำมีครบ แถมมีให้เลือกหลายรุ่นย่อยเพื่อตอบโจทย์การใช้งานเฉพาะทางมากขึ้น ถึงแม้ว่าราคาจะค่อนข้างสูง แต่ใครเป็นสายเล่นอะไรสุด เชื่อว่าคุ้มค่าแน่นอน 

 

Coros Vertix ราคา 19,900 บาท – สุดยอดนาฬิกาที่มีแบตเตอรี่ทนทานที่สุดในเวลานี้ก็ว่าได้ เพราะสามารถใช้งานในโหมด GPS ได้นานกว่า 60 ชั่วโมง หน้าตาดูเหมาะกับการออกไปผจญภัย แม้จะเป็นน้องใหม่ แต่ก็ได้รับเสียงตอบรับดีไม่แพ้รุ่นพี่แบรนด์อื่นๆ

 

Polar Grit X ราคา 16,490 บาท – มีขนาดเล็กและเบาที่สุดเมื่อเทียบกับรุ่นอื่น หลายคนอาจไม่เคยได้ยินแบรนด์นี้มาก่อน จึงทำให้มีภาษีน้อยกว่าแบรนด์อื่น แต่จริงๆ แล้ว Polar ก็คลุกคลีอยู่ในวงการออกกำลังกายมาเป็นเวลานาน ส่วนในบ้านเราเพิ่งจะเริ่มนำเข้ามาขาย ตัวนาฬิกาก็มีฟังก์ชันหลากหลาย น่าจะเหมาะกับคนที่ไม่ชอบใส่อะไรซ้ำกับคนอื่น

 

 

กลุ่มไลฟ์สไตล์ / For City People

นาฬิกาของกลุ่มไลฟ์สไตล์เหมาะกับการใส่ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะออกไปทำงานหรืออยู่บ้านก็ตาม ฟังก์ชันต่างๆ จึงออกแบบมาเพื่อการเชื่อมคนเข้ากับสมาร์ตโฟนและโซเชียลมีเดีย ที่สำคัญคือน้ำหนักต้องไม่มากเกินไป แน่นอนว่าฟังก์ชันสปอร์ตก็ยังมีอยู่ แต่ไม่จำเป็นต้องใส่มัลติสปอร์ตให้มากมาย แต่ไปเพิ่มทางเลือกให้กับคนเมือง เช่น รับโทรศัพท์ได้หรือควบคุมเพลงจากนาฬิกา หรือระบบติดตามการเต้นของหัวใจตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้หากวันไหนเกิดอยากไปออกกำลังกายทั่วไปก็ยังรองรับการใช้งานพื้นฐานอยู่ ข้อดีของนาฬิกากลุ่มนี้คือหน้าตาที่ออกไปทางแคชชวลมากกว่าสปอร์ต สามารถสวมใส่เข้าลุคทำงาน ไม่ดูเหมือนนักกีฬาจนเกินไปนัก 

(ซ้ายไปขวา) Apple Watch, Huawei Watch Fit และ Galaxy Watch Active 

(ซ้ายไปขวา) Apple Watch, Huawei Watch Fit และ Galaxy Watch Active 

 

ตัวเลือกสำหรับคนเมือง 

Apple Watch ราคา 13,400 บาท – ความนิยมของ Apple Watch กินส่วนแบ่งในตลาดไปมากที่สุด เนื่องจากระบบครอบครัวของ Apple ทำให้การใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ เป็นเรื่องเดียวกัน จึงไม่แปลกว่าทำไมใครที่ใช้ iPhone หรือ MacBook อยู่แล้วถึงเลือกใช้ Apple Watch เสียอย่างเดียวตรงแบตเตอรี่หมดไวไปหน่อย

 

Huawei Watch Fit ราคา 3,499 บาท – นาฬิกาสายแอนดรอยด์ใช่ว่าจะทำได้ไม่ดีในตลาด Smart Watch ข้อดีคือราคาถูกและมีฟังก์ชันที่หลากหลายพอๆ กับรุ่นท็อปบางรุ่นเลยทีเดียว ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับใครที่อยากลองใช้ Smart Watch สักเรือน

 

Galaxy Watch Active 2 ราคา 11,900 บาท – ครอบครัว Samsung เองก็พยายามทำให้เทคโนโลยีต่างๆ เชื่อมเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนหรือ Smart Watch ไปจนถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านต่างๆ นาฬิการาคาอยู่ในระดับกลางๆ เหมาะกับใครที่เป็นสาวก Samsung อยู่แล้วน่าจะทำให้การใช้งานหลายๆ อย่างง่ายขึ้นตามไปด้วย

 

ภาพ: Courtesy of the Brand

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising