×

ชลน่านประกาศยกระดับ 30 บาท เตรียมเสนอนโยบายส่งเสริมมีบุตรเป็นวาระแห่งชาติ พร้อมโชว์ 5 Quick Win 100 วัน

โดย THE STANDARD TEAM
22.09.2023
  • LOADING...
กระทรวงสาธารณสุข

วันนี้ (22 กันยายน) ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย สันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ประชุมมอบนโยบายกระทรวงสาธารณสุข ปี 2567 แก่ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุขทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จำนวน 500 คน 

 

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีภารกิจดูแลสุขภาพคนไทยทั้งประเทศให้แข็งแรง เป็นพื้นฐานสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและประเทศ จากนี้ขอให้ร่วมมือกันยกระดับ 30 บาทพลัสให้พัฒนาอย่างก้าวกระโดด ต้องพร้อมรับมือความท้าทายจากสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูง

 

การขับเคลื่อนสาธารณสุขไทยต่อจากนี้คือ สาธารณสุขยุคใหม่ ปรับระบบบริการสุขภาพให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง ต่อยอดเศรษฐกิจไทย เติมเต็มบริการสุขภาพเพื่อประชาชน ยกระดับการดูแลสุขภาวะที่ดีทั้งกาย ใจ ปัญญา และสังคม เชื่อมกันทุกมิติด้วยนโยบาย 30 บาทพลัส ผ่าน 13 ประเด็นสำคัญ

 

  1. โครงการพระราชดำริทางด้านสาธารณสุข 
  2. เพิ่มการเข้าถึงบริการในเขตเมือง โรงพยาบาล กทม. 50 เขต 50 โรงพยาบาล และปริมณฑล จัดตั้งโรงพยาบาลแห่งใหม่เพื่อเพิ่มการเข้าถึงบริการในเขตเมือง เป็นต้น 
  3. สุขภาพจิต/ยาเสพติด มีแผนกจิตเวช มีหอผู้ป่วยจิตเวชที่พร้อมให้บริการ มีศูนย์ธัญญารักษ์ทุกจังหวัด ให้บริการปรึกษาจิตแพทย์และนักจิตวิทยาผ่านทางระบบเทเลเมดิซีน 
  4. มะเร็งครบวงจร คัดกรองรักษาอย่างรวดเร็ว ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย โดยคัดกรองมะเร็งปากมดลูกและมะเร็งเต้านมในเพศหญิง และมะเร็งท่อน้ำดี ตับ ปอดในเพศชาย ลดภาระค่าใช้จ่ายด้วยการจัดตั้งกองทุนมะเร็ง และจัดตั้งทีมเชิงรุก CA Warrior เพื่อลดป่วย ลดตาย สร้างคุณภาพชีวิตที่ดี 
  5. สร้างขวัญกำลังใจให้บุคลากร ถือเป็นภารกิจสำคัญต่อการสร้างความมั่นคงของระบบสุขภาพ โดยสนับสนุนบุคลากรทุกคน ทุกระดับ ให้มีความก้าวหน้า มั่นคง อยู่ในสังคมอย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ซึ่งจะส่งผลต่อคุณภาพการให้บริการประชาชนด้วยความสุข 
  6. การแพทย์ปฐมภูมิ เพิ่มความครอบคลุมการดูแลที่บ้านและชุมชน พัฒนาระบบนัดหมายพบแพทย์ รับยาในหน่วยบริการใกล้บ้าน เสริมสร้างอนามัยโรงเรียนให้เข้มแข็ง และพัฒนาระบบการแพทย์ทางไกล 
  7. สาธารณสุขชายแดน พื้นที่เฉพาะ และกลุ่มเปราะบาง จะเพิ่มการเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพมาตรฐาน ทั้ง 3 จังหวัดชายแดนใต้, พื้นที่ชายแดนชายขอบ, พื้นที่เฉพาะ, รวมถึงกลุ่มชาติพันธุ์, มอร์แกน, กลุ่มไร้รัฐ และกลุ่มเปราะบาง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง เพราะเป็นคนไทยเหมือนกัน 
  8. สถานชีวาภิบาล พัฒนาระบบดูแลผู้ป่วยติดเตียงและผู้ป่วยระยะสุดท้าย ดูแลผู้ป่วยที่บ้าน (Home Ward) จนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต 
  9. พัฒนาโรงพยาบาลชุมชนแม่ข่าย มีระบบส่งต่อแบบไร้รอยต่อ เพิ่มศักยภาพการตรวจวินิจฉัยและรักษาทั้ง CT Scan และ ICU จัดให้มี Mobile Stroke Unit เพื่อลดการส่งต่อ
  10. ดิจิทัลสุขภาพ ใช้บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ และพัฒนาเป็นโรงพยาบาลอัจฉริยะ One ID Card Smart Hospital ให้บริการสุขภาพยุคใหม่ ตรงความต้องการของประชาชน เข้าถึงได้ง่าย 
  11. ส่งเสริมการมีบุตร โดยผลักดันเป็นวาระแห่งชาติ เพิ่มอัตราการเกิดของเด็กที่มีคุณภาพ สร้างความเข้าใจการมีบุตรเมื่อพร้อม สอดคล้องเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจและสังคม 
  12. เศรษฐกิจสุขภาพ สร้างต้นแบบพื้นที่อายุยืน (Blue Zone) ‘หนึ่งเขตสุขภาพ หนึ่งพื้นที่อายุยืน’ ในทุกจังหวัด พัฒนาสู่ศูนย์กลางการแพทย์มูลค่าสูง ดูแลสุขภาพครบวงจร ต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 
  13. นักท่องเที่ยวปลอดภัย ยกระดับความปลอดภัยด้านอาหาร สถานที่ ผู้ให้บริการ ระบบเฝ้าระวังและควบคุมโรคให้ทันสมัย ทันเวลา และง่ายต่อการจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินกรณีเกิดโรคระบาด เพิ่มบริการการแพทย์ฉุกเฉินสำหรับดูแลผู้ป่วยวิกฤตอย่างครอบคลุม เป็นหลักประกันความปลอดภัยให้ประชาชนคนไทยและนักท่องเที่ยว 

 

นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า สำหรับ Quick Win 100 วัน ที่จะเร่งรัดให้เห็นผลลัพธ์โดยเร็วมี 5 เรื่อง คือ 1. โครงการพระราชดำริ โดยคัดกรองมะเร็งในผู้ต้องขังทุกคน พัฒนาโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชและโรงพยาบาลเฉลิมพระเกียรติเป็นโรงพยาบาลอัจฉริยะต้นแบบ และสุขศาลาพระราชทานผ่านการรับรองคุณภาพทุกแห่ง รวมทั้งขับเคลื่อนโครงการเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไตรมาส 2 ทั้งแว่นตาผู้สูงอายุ 72,000 อัน, ผ่าตัดต้อกระจก 7,200 ดวง, ฟันเทียม 72,000 คน, ออกหน่วยพื้นที่ห่างไกล 720 อำเภอ, ดูแลสุขภาพพระภิกษุสงฆ์ 72,000 รูป และอาคารผู้ป่วยนอกเขตเมืองเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา 72 แห่ง 

 

  1. ดิจิทัลสุขภาพ บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทุกที่ นำร่อง 4 เขตสุขภาพ 

 

  1. สร้างขวัญและกำลังใจให้บุคลากร โดยมี Care D+ Team ในหน่วยบริการทุกระดับ 

 

  1. โรงพยาบาล กทม. 50 เขต 50 โรงพยาบาล และปริมณฑล โดยจัดตั้งโรงพยาบาล 120 เตียงในเขตดอนเมือง 

 

และ 5. สถานชีวาภิบาล จัดตั้งจังหวัดละ 1 แห่ง, Hospital at Home จังหวัดละ 1 แห่ง และคลินิกผู้สูงอายุทุกโรงพยาบาล

 

“ด้วยความร่วมมือร่วมใจของชาวกระทรวงสาธารณสุขยุคใหม่ MOPH Plus จะเป็นพลังในการขับเคลื่อนให้บรรลุเป้าหมายสูงสุด ยกระดับ 30 บาทพลัส เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนได้” นพ.ชลน่าน กล่าว 

 

จากนั้นให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงกรณีการผลักดันนโยบายส่งเสริมการมีบุตรเป็นวาระแห่งชาติว่า เนื่องจากเล็งเห็นว่าอัตราการมีบุตรในประเทศนั้นต่ำกว่ามาตรฐาน อยู่ที่ 160,000 คน ซึ่งมีค่าที่ควรจะเป็นอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 210,000 คน ซึ่งมองว่าเป็นปัญหาของประเทศ อีกทั้งยังเป็นปัญหาของโลกด้วย 

 

เราจึงมีความมุ่งมั่นว่า หากดำเนินการไปได้ด้วยดี ทำให้หลายคนเห็นว่าการมีบุตรนั้นมีความจำเป็นและมีความสำคัญต่อการดำรงอยู่ของมนุษยชาติ รวมถึงสามารถสร้างโอกาสและสร้างอนาคตได้ เมื่อเรามีความพร้อมก็จะเสนอต่อนายกรัฐมนตรี ประกาศและผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติ 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงงบประมาณในการใช้จ่ายเกี่ยวกับนโยบายดังกล่าว นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เราเตรียมการเรื่องนี้ไว้พร้อม โดยมีคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งรวมทุกหน่วยงาน จะเป็นผู้ที่นำเรื่องนี้ไปพูดคุยเชิงนโยบายและเข้ามามีส่วนร่วม

 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising