วันนี้ (23 พฤศจิกายน) ที่สโมสรตำรวจ ถนนวิภาวดีรังสิต พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวภายหลังจากที่ ชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว นายทุนจีนเข้ามอบตัวเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาว่า การจับกุมกลุ่มนายทุนจีนและนอมินีครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากมีกลุ่มนายทุนจีนที่ประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย จำนวน 5 กลุ่ม เข้ามาประกอบธุรกิจสถานบันเทิงในประเทศไทย
ประกอบไปด้วย 1. กลุ่มตู้ห่าว 2. กลุ่มเดวิด 3. กลุ่มหยู่ฉางเฟ่ย 4. กลุ่มโทนี และ 5. กลุ่มหมิง ซึ่งตอนนี้จับกุมไปแล้ว 3 กลุ่ม คือ ตู้ห่าว เดวิด และหยู่ฉางเฟ่ย โทนีอยู่ระหว่างจับกุม ส่วนหมิงหลบหนีออกนอกประเทศ อยู่ระหว่างการออกหมายจับสากล โดยทั้ง 5 กลุ่มมีความสัมพันธ์ รู้จักกัน มีการแยกย้ายไปทำธุรกิจผับในพื้นที่ต่างๆ เช่น
กลุ่มที่ 1 ในพื้นที่สถานีตำรวจนครบาล (สน.) สุทธิสาร มีรายงานว่ามีนักท่องเที่ยวจีนเสพยาเกินขนาดและเสียชีวิต รวมทั้งมีการลักทรัพย์ของผู้เสียชีวิตไปเพื่อทำลายหลักฐาน
กลุ่มที่ 2 ในพื้นที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี พบว่ามีนอมินีที่เป็นชาวจีน 4 รายที่สวมบัตรประชาชนไทย ทางเจ้าหน้าที่เองได้ตรวจสอบโดยนำ DNA พ่อแม่ของเจ้าของบัตรประชาชนเดิมไปตรวจ แต่ปรากฏว่าไม่มีความเกี่ยวข้องทางเครือญาติ
กลุ่มที่ 3 ผับจินหลิง ที่ถูกรายงานข่าวก่อนหน้านี้ว่ามีการตรวจสอบพบยาเสพติดจำนวนมาก โดยตำรวจมีข้อมูลหลักฐานชัดเจนว่าตู้ห่าวเป็นเจ้าของสถานบันเทิงดังกล่าวจริง จึงได้ออกหมายจับ ซึ่งพฤติกรรมที่พบแสดงถึงความเป็นเจ้าของ คือเข้า-ออกในสถานที่ดังกล่าวเป็นประจำ และในวันเกิดเหตุเจ้าตัวอยู่ด้วย นอกจากนี้จากเส้นทางการเงินของตู้ห่าว ยังมีรายชื่อในการเช่าสถานที่และจ่ายค่าเช่า
กลุ่มที่ 4 คือในพื้นที่ สน.ทองหล่อ กลุ่มนี้มีคนไทยเป็นนอมินี
ในวันนี้ตำรวจได้ขอหมายค้นพื้นที่เกี่ยวข้องรวม 4 จุด หนึ่งในนั้นคือบ้านพักของตู้ห่าว ซึ่งปรากฏชื่อภรรยาของตู้ห่าว เป็นข้าราชการตำรวจยศ พ.ต.อ.หญิง เป็นเจ้าของบ้าน มูลค่าบ้านมากกว่า 200 ล้านบาท นอกจากนี้ยังได้อายัดทรัพย์สินของตู้ห่าว ทั้งอสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ เงินสด มากกว่า 1 พันล้านบาท ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ระดมตรวจค้นใน 20 จังหวัด 75 จุด จับกุมผู้ต้องหาในเครือข่ายเดียวกัน 93 ราย
พล.ต.อ. สุรเชษฐ์กล่าวต่ออีกว่า หลังจากนี้ตำรวจจะขยายผลตรวจสอบทะเบียนราษฎร์ผู้ที่เกี่ยวข้องในเครือข่าย รวมทั้งเส้นทางการเงินและเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดอุดรธานี, ขอนแก่น, แพร่ และเชียงใหม่ ว่ามีการอนุญาตให้เปลี่ยนวีซ่าจากนักท่องเที่ยวเป็นวีซ่านักเรียนได้อย่างไร เนื่องจากผู้ต้องหาบางคนอายุมากกว่า 50 ปี และการจะขอวีซ่านักเรียนได้นั้นต้องมีโรงเรียนรับรอง ซึ่งต้องย้อนกลับไปตรวจสอบโรงเรียนที่เป็นผู้รับรองด้วย
นอกจากนี้ยังพบนายตำรวจระดับพนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา รองผู้กำกับการจราจร สน.ลาดพร้าว และรองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 ที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในคดี ในลักษณะการปล่อยตัวผู้ต้องหาสำคัญ และปล่อยรถหรูซึ่งเป็นของกลางในคดี โดยมีหลักฐานยืนยันว่ามีการแลกรับผลประโยชน์คันละ 2 ล้านบาท จำนวน 4 คัน ซึ่งหลังจากนี้ต้องขยายผลอีกว่ามีใครที่ร่วมขบวนการที่มีตำแหน่งใหญ่กว่ารองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 หรือไม่ ส่วนตัวเชื่อว่ามี
พล.ต.อ. สุรเชษฐ์กล่าวด้วยว่า การตรวจสอบภรรยาของตู้ห่าวถึงเรื่องเงินจำนวน 200 ล้านบาทที่นำมาซื้อบ้าน ทางเจ้าตัวต้องชี้แจงที่มาของเงินให้ได้ เพราะลำพังเงินเดือนข้าราชการไม่น่าจะมีทรัพย์ขนาดที่จะซื้อบ้านหลังดังกล่าวได้ หากชี้แจงไม่ได้ก็ถือว่ามีความผิด ส่วนที่ว่าภรรยาของตู้ห่าวเป็นหลานของอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะมีการช่วยเหลือหรือไม่ ตนขอยืนยันว่าได้คุยกับทุกฝ่าย ทุกท่านยินดีที่จะให้ดำเนินคดีตามหลักฐานที่ปรากฏอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้มีใครมาขอให้ดูแลอะไรเป็นพิเศษ
ทั้งนี้ ภายหลังการสอบปากคำตู้ห่าวนานกว่า 3 ชั่วโมง ได้มีการส่งตัวผู้ต้องหาไปสอบปากคำต่อที่ สน.ยานนาวา โดยจะคัดค้านการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน และในท้ายคำร้องฝากขังก็จะคัดค้านประกันตัวเช่นเดียวกัน เนื่องจากเป็นคดียาเสพติดที่เกี่ยวกับความมั่นคง