×

รัฐบาลจีนกระตุ้นให้ประชาชนมีลูกเพิ่ม หลังอัตราการเกิดต่ำ ตลาดแรงงานหดตัว หวั่นเลือกปฏิบัติทางเพศเพิ่มมากขึ้น

09.08.2018
  • LOADING...

จีนกำลังประสบปัญหาความท้าทายครั้งใหญ่ อันเป็นผลมาจากการดำเนินนโยบายลูกคนเดียว (One Child Policy) เพื่อควบคุมและจำกัดจำนวนประชากรที่มากเกินไปในอดีต ก่อนที่จะประกาศยกเลิกนโยบายนี้ไปเมื่อ 3 ปีก่อน หลังสังคมจีนมีอัตราการเกิดที่ต่ำลง คนนิยมมีลูกกันน้อย และตลาดแรงงานภายในประเทศก็กำลังหดตัว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคสังคมและเศรษฐกิจในอนาคต

 

รัฐบาลจึงเชิญชวนให้ชาวจีนแต่ละครอบครัวเร่งเพิ่มสมาชิกเพื่อแก้ไขปัญหานี้ โดยในปี 2017 จีนมีอัตราการเกิดอยู่ที่ เด็ก 1.6 คนต่อผู้หญิง 1 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่น้อยกว่าเด็ก 2.1 คน ตามที่คาดการณ์ไว้ ดังจะเห็นได้จากแสตมป์ที่ทางรัฐบาลจีนได้ออกแบบออกมานั่นคือ แสตมป์ต้อนรับปีกุนที่จะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เป็นแสตมป์ครอบครัวหมูที่มีลูกหมูอยู่ 3 ตัว ซึ่งก่อนหน้านี้หลังจากที่มีการประกาศยกเลิกนโยบายลูกคนเดียวในปี 2015 ปีต่อมาก็มีการออกแสตมป์รูปลิงตามปีนักษัตรที่อุ้มลูกลิง 2 ตัว ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ารัฐบาลเริ่มหันมาสนับสนุนต่อเรื่องนี้

 

แต่อย่างไรก็ตาม ชาวจีนบางส่วนมีความกังวลต่อค่าใช้จ่ายจำนวนมากที่จะตามมาหลังจากตัดสินใจที่จะมีลูก โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ๆ ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูลูกๆ มีแต่จะเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่เกิดจนถึงเมื่อเข้าเรียน ซึ่งคนหนุ่มสาวจำนวนไม่น้อยที่คิดว่า แบกรับภาระตรงจุดนี้ไม่ไหว หากจะตัดสินใจมีลูกคนแรกหรือมีลูกเพิ่ม

 

ในอีกมุมหนึ่ง การหันมาสนับสนุนการให้แต่ละครอบครัวมีลูกเพิ่ม ยิ่งทำให้เกิดการเลือกปฏิบัติทางเพศขึ้นในสังคมจีน ผู้หญิงจำนวนมากมีความยากลำบากอย่างเห็นได้ชัดในการสมัครเข้าทำงาน โดยเว็บไซต์หางานชื่อดังอย่าง 51job.com พบว่า เมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา มากกว่า 75% ขององค์กรรู้สึกลำบากใจที่จะพิจารณาเลือกรับผู้หญิงเข้าทำงาน ซึ่งจะทำให้องค์กรอาจจะต้องจ่ายเงินในช่วงลาคลอดเพิ่มมากขึ้น และยิ่งในกรณีที่เป็นผู้หญิงที่เพิ่งจะแต่งงานหรือยังไม่เคยมีลูก นั่นหมายความว่าพวกเธอจะต้องลาคลอดอย่างน้อยอีก 2 ครั้ง เพื่อให้เป็นไปตามแนวนโยบายการมีลูกเพิ่มของทางรัฐบาล

 

พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising