×

คาด ‘ต่างชาติ’ ซื้อสุทธิหุ้น-ตราสารหนี้ไทยอีกไม่ต่ำกว่า 2 แสนล้านบาท อานิสงส์จีนเปิดประเทศ ดันท่องเที่ยว-เศรษฐกิจไทยฟื้นแรง

29.12.2022
  • LOADING...

บลจ.ยูโอบี ประเมินจีนเปิดประเทศเร็วปีหน้าเป็นอานิสงส์ต่อไทย ช่วยดึง Fund Flow เข้าตราสารหนี้-หุ้นเพิ่มในปีหน้ารวมไม่น้อยกว่า 2 แสนล้านบาท ระบุไทยรับประโยชน์มากที่สุดจากการเปิดประเทศของจีน ขณะที่แนวโน้ม กนง. ขึ้นดอกเบี้ยแตะ 2% ภายในครึ่งแรกปี 2566 ช่วยหนุนความเชื่อมั่น ขณะที่ตลาดทุนไทยมองภาคท่องเที่ยวเป็นพระเอกหนุนเศรษฐกิจฟื้นตัว ดึงต่างชาติปีนี้พลิกซื้อสุทธิหุ้นไทยในรอบ 5 ปี 

 

จิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์การลงทุน ฝ่ายกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์การลงทุน สายพัฒนาธุรกิจ บลจ.ยูโอบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาพรวมกระแสเงินลงทุนต่างชาติ (Fund Flow) ในปี 2566 นั้น ก่อนหน้านี้เคยประเมินว่ามีโอกาสที่จะเห็นภาพมูลค่าการลงทุนที่ทรงตัวจากปีนี้ที่ระดับ 3.3 หมื่นล้านบาท ส่วนตลาดหุ้นไทยประเมินว่านักลงทุนต่างชาติจะซื้อสุทธิต่อเนื่องอีกราว 1 แสนล้านบาท


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


อย่างไรก็ดี หลังจากที่ล่าสุดรัฐบาลจีนประกาศยกเลิกมาตรการกักตัวสำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศจีน โดยมีผลตั้งแต่ 8 มกราคม 2566 เป็นต้นไป ประเมินว่าเป็นสัญญาณเชิงบวกว่าจีนมีแนวโน้มที่จะกลับมาเปิดประเทศเต็มรูปแบบเร็วขึ้น ซึ่งจะสนับสนุนให้ Fund Flow มีโอกาสไหลเข้ามาซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้และตลาดหุ้นของไทยสูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ 

 

โดยเบื้องประเมินว่านักลงทุนต่างชาติมีโอกาสซื้อสุทธิต่อเนื่องในปีทั้งในตลาดตราสารหนี้และตลาดหุ้นของไทยรวมกันไม่น้อยกว่า 2 แสนล้านบาท หรือซื้อสุทธิไม่น้อยกว่า 1 แสนล้านบาทต่อตลาด

 

เนื่องจากมุมมองของนักลงทุนสถาบันต่างประเทศส่วนใหญ่ต่างมีความสอดคล้องกันว่าเศรษฐกิจของกลุ่มดินแดนที่อยู่ใกล้เคียงกับจีน เช่น ไทย ไต้หวัน และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์สูงสุดเป็นอันดับแรกๆ จากการเริ่มทยอยกลับมาเปิดประเทศในครั้งนี้ โดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยวของไทยที่มีโอกาสจะเห็นการฟื้นตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ในปี 2566 หลังจากนักท่องเที่ยวจีนที่เคยเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักของไทยจะสามารถกลับมาท่องเที่ยวไทย ส่งผลให้มีรายได้จากภาคการท่องเที่ยวเติบโตได้ค่อนข้างดี เป็นปัจจัยเข้ามาสนับสนุนให้เศรษฐกิจของไทยที่กำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวมีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดิมด้วย

 

“หลังจีนเริ่มกลับมาเปิดประเทศ ทำให้ความกังวลเรื่องความเสี่ยงของเศรษฐกิจไทยจะเติบโตได้หรือไม่จะหายไป จึงมีโอกาสที่ในปีหน้าจะมี Fund Flow ไหลเข้ามาซื้ออีกได้พอสมควร ส่วนตลาดตราสารหนี้ไทยมีอีกจุดเด่นคือ ต่างชาติจะมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยในกลุ่มประเทศ Emerging Market (EM) ในเอเชีย เพราะจะเป็นกลุ่มที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ดีตามเศรษฐกิจของจีนที่เริ่มเปิดประเทศ ส่วนประเด็นความกังวลเงินเฟ้อ นักวิเคราะห์ทั่วโลกส่วนใหญ่มองว่าไทยกับจีนยังไม่ได้มีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวด จะเป็นอีกปัจจัยที่ช่วยดึง Fund Flow ให้เข้าตราสารหนี้ของไทยได้ด้วย”

 

อย่างไรก็ดี หากย้อนดูข้อมูล Fund Flow ที่เข้าลงทุนตราสารหนี้ของไทยในปีนี้ที่ซื้อสุทธิระดับประมาณ 1 แสนล้านบาทในช่วงกลางปีนี้ ถือว่าเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง แต่หลังจากที่ธนาคารสหรัฐอเมริกา (Fed) ส่งสัญญาณจะเร่งขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ Fund Flow เริ่มทยอยไหลออกไปตลาดตราสารหนี้กลับไปที่สหรัฐฯ ส่งผลให้จากต้นปีนี้ถึงปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้รวม 3.33 หมื่นล้านบาท ขณะที่นักลงทุนต่างชาติกลับซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยรวม 1.88 แสนล้านบาท

 

สำหรับทิศทางค่าเงินบาทปัจจุบันที่เคลื่อนไหวในกรอบ 34-35 บาท ซึ่งจากต้นปีนี้ถึงปัจจุบันอ่อนค่าไปแล้ว 3.66% แต่เงินบาทถือเป็นสกุลเงินเอเชียติดอันดับ 1 ใน 5 ที่แข็งค่าสูงสุดในปีนี้ ส่วนหนึ่งมาจาก Fund Flow ที่ไหลเข้าซื้อสุทธิ ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาทในปี 2566 มีโอกาสเห็นการแข็งค่าต่อเนื่องแตะระดับ 33 บาท แข็งค่าประมาณ 5% จากปัจจุบัน เพราะ Fund Flow  มีโอกาสไหลเข้าต่อเนื่อง ประกอบกับดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยที่กลับมาเกินดุลจากปัจจัยการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง รวมทั้งทิศทางราคาน้ำมันที่เริ่มมีแนวโน้มลดลงจากระดับ 90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลงมาอยู่ที่ระดับ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล รวมทั้งมีแนวโน้มที่เงินทุนยังไหลเข้าต่อเนื่อง

 

“ภาพเงินบาทปีหน้ามีโอกาสแข็งค่าได้ แต่ไม่ได้แข็งค่าแบบเร็วมาก จาก Fund Flow ที่ยังไหลเข้า รวมถึงในปีหน้ามีโอกาสจะเห็น กนง. ขึ้นดอกเบี้ยไปแตะ 2% ภายในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า จากตอนนี้อยู่ที่ 1.25% แต่ต่างชาติไม่ได้เข้ามาแบบเต็มที่ เพราะ Fed ก็ยังไมได้ลดดอกเบี้ยลง ทำให้ต้นทุนที่นำดอลลาร์มาลงทุน EM ยังถือว่าสูงในระดับ 4-5%”

 

ด้านศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร และหัวหน้าสายงานพัฒนาความยั่งยืนตลาดทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากต้นปีนี้ถึงปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติกลับซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยรวม 1.88 แสนล้านบาท ในรอบไม่น้อยกว่า 5 ปี โดยเริ่มเห็นสัญญาณการกลับเข้ามาซื้อสุทธิตั้งแต่ช่วงปลายปี 2564 เป็นต้นมา เนื่องจากมีประเด็นสนับสนุนจากปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจของไทยในปีนี้และปี 2566 ที่กำลังอยู่ในช่วงของวัฏจักรการฟื้นตัว โดยเฉพาะแรงส่งสำคัญจากภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวได้ค่อนข้างดี ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยกลับมาเป็นบวกต่อเนื่องติดต่อในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เปรียบเทียบกับเศรษฐกิจของโลกที่ในปีหน้ากำลังจะเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession)

 

นอกจากนี้การเริ่มทยอยเปิดเประเทศของจีนถือเป็นปัจจัยบวกที่เข้ามาเสริม ที่จะส่งผลต่อภาคการท่องเที่ยวของไทยให้มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้นอีกในปีหน้า ดังนั้นจึงมีโอกาสที่ในปี 2566 จะเห็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับขึ้นไปก่อนที่จะมีโควิดระบาด ที่มีจำนวน 40 ล้านคนต่อปี หรือมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านคนต่อเดือน จากปัจจุบันที่จำนวน 1.5-1.6 ล้านคนต่อเดือน แม้ยังไม่มีนักท่องเที่ยวชาวจีน

 

สำหรับทิศทาง Fund Flow ยังเป็นทิศทางไหลเข้าตลาดหุ้นไทย แต่จะมีความต่อเนื่องถึงปี 2566 หรือไม่นั้นยังต้องติดตามความคืบหน้าของปัจจัยใน 3 ประเด็นสำคัญที่มีผลกระทบต่อ Fund Flow ได้แก่ 1. การปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed 2. สถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน 3. การเมืองของไทยที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้า

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising