ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) และองค์การอาหารและยาของสหรัฐฯ (FDA) ร่วมกันออกคำแนะนำให้สหรัฐฯ ระงับใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัท Johnson & Johnson ชั่วคราว หลังมีรายงานการเกิดลิ่มเลือดชนิดที่พบได้ยากและรุนแรงกับผู้ที่รับวัคซีนรวม 6 เคสในสหรัฐฯ
สำหรับกรณีที่พบนี้มีจำนวน 6 รายจากวัคซีนทั้งหมดกว่า 6.8 ล้านโดสของ Johnson & Johnson ที่มีการฉีดให้ประชาชนในสหรัฐฯ โดยทั้ง 6 กรณีเกิดขึ้นกับผู้หญิงอายุระหว่าง 18-48 ปี และแสดงอาการหลังรับวัคซีน 6-13 วัน
ดร.แอนน์ ชูแชต รองผู้อำนวยการใหญ่ CDC และ ดร.ปีเตอร์ มาร์กส ผู้อำนวยการศูนย์ประเมินและวิจัยทางชีววิทยาของ FDA ระบุในแถลงการณ์ที่ออกร่วมกันในวันนี้ (13 เมษายน) ว่า “CDC จะเรียกประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านแนวทางการสร้างภูมิคุ้มกัน (ACIP) ในวันพุธ (14 เมษายน) เพื่อประเมินเคสเหล่านี้เพิ่มเติม โดย FDA จะวิเคราะห์ข้อมูล รวมทั้งตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้นเหล่านี้ด้วย
“จนกว่ากระบวนการดังกล่าวจะเสร็จสิ้น เราแนะนำให้หยุดใช้วัคซีนนี้ชั่วคราวด้วยความระมัดระวัง นี่เป็นส่วนสำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าชุมชนผู้ให้บริการเฮลท์แคร์จะตระหนักถึงเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เหล่านี้ และสามารถวางแผนสำหรับการรับรู้และจัดการอย่างเหมาะสม สืบเนื่องจากการรักษาเฉพาะที่จำเป็นสำหรับลิ่มเลือดชนิดนี้” แถลงการณ์ระบุ
CDC และ FDA ยังให้คำแนะนำด้วยว่า สำหรับผู้ที่รับวัคซีน Johnson & Johnson และมีอาการปวดหัวอย่างรุนแรง ปวดท้อง ปวดขา หรือหายใจติดขัด ในช่วงเวลา 3 สัปดาห์หลังฉีดวัคซีนควรติดต่อโรงพยาบาล
อย่างไรก็ตาม CDC และ FDA ระบุในแถลงการณ์ว่า เหตุการณ์ไม่พึงประสงค์เหล่านี้ “ดูเหมือนจะพบได้ยากมาก”
อ้างอิง: