ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศตั้งรองประธานาธิบดีคามาลา แฮร์ริส ให้เป็นผู้นำทีมในการแก้ไขปัญหากลุ่มผู้อพยพจากเม็กซิโกและประเทศในแถบสามเหลี่ยมเหนือของอเมริกากลาง ที่หลั่งไหลข้ามพรมแดนเม็กซิโกสู่สหรัฐฯ
การตัดสินใจของไบเดนมีขึ้นระหว่างการประชุมคณะทำงานด้านคนเข้าเมืองของทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ (24 มีนาคม) ซึ่งไบเดนยืนยันว่าเขาไม่เห็นใครที่มีคุณสมบัติดีไปกว่าแฮร์ริส ในการรับหน้าที่จัดการปัญหาผู้อพยพ ที่ถือเป็นหนึ่งในปัญหาใหญ่ของสหรัฐฯ
ขณะที่แฮร์ริสนั้นเป็นบุตรสาวของผู้อพยพ ซึ่งกลายเป็นที่รู้จักจากบทบาทการทำงานเพื่อสนับสนุนนโยบายคนเข้าเมือง โดยระหว่างดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดรัฐแคลิฟอร์เนีย ในปี 2014 เธอเคยรับมือกับปัญหาผู้เยาว์ที่ไม่มีผู้ดูแลจำนวนมาก หลั่งไหลข้ามพรมแดนเม็กซิโกเข้าสู่สหรัฐฯ
ทั้งนี้ รัฐบาลไบเดนเผชิญกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จากกรณีที่มีผู้อพยพและผู้ลี้ภัยหลั่งไหลมายังชายแดนเม็กซิโก-สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งในจำนวนนี้มีเด็กที่ไม่มีพ่อแม่หรือผู้ปกครองอยู่ด้วย และหลายคนต้องติดอยู่ภายในสถานีกักกันบริเวณชายแดนนานหลายวันเพื่อรอการรับเข้าอาศัยในศูนย์พักพิงของรัฐบาล
ซึ่งที่เมืองติฮัวนาของเม็กซิโก ที่มีพื้นที่ชายแดนติดกับซานดิเอโกของสหรัฐฯ พบว่ามีผู้อพยพราว 1,000 ถึง 1,500 คน อาศัยอยู่ในค่ายพักพิงที่สร้างขึ้นมาราว 1 เดือน เพื่อรอความหวังในการได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าสหรัฐฯ โดยผู้อพยพส่วนใหญ่มาจากพื้นที่ตอนใต้ของเม็กซิโกและประเทศในแถบอเมริกากลาง ที่ต้องอพยพหนีภัย จากเหตุการณ์ความรุนแรงและภัยธรรมชาติ
ทั้งนี้ เท็ด ครูซ วุฒิสมาชิกรัฐเท็กซัสของพรรครีพับลิกัน มองว่าวิกฤตผู้อพยพหลั่งไหลเข้าสู่สหรัฐฯ นั้นเกิดจากฝีมือของรัฐบาลไบเดนที่ยกเลิกนโยบายควบคุมการเข้าเมืองอย่างเข้มงวดที่กำหนดขึ้นในยุครัฐบาลอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อีกทั้งยังให้สิ่งจูงใจแก่ผู้อพยพนับพันที่ต้องการเดินทางเข้าสหรัฐฯ
ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐบาลไบเดนโต้แย้งว่า เป็นเพราะรัฐบาลทรัมป์ที่ยกเลิกระบบจัดการคนเข้าเมือง
สำหรับหน้าที่ผู้นำทีมรับมือปัญหาผู้อพยพนั้นเปรียบเสมือนดาบสองคม และความเสี่ยงทางการเมืองของแฮร์ริส ซึ่งถูกจับตามองว่าอาจกลายเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของพรรคเดโมแครตในอนาคต
ขณะที่แฮร์ริสแสดงความเห็นหลังได้รับมอบหมายหน้าที่ โดยมองกรณีการหลั่งไหลของผู้อพยพที่เกิดขึ้นว่าเป็นสถานการณ์ที่ท้าทาย และชี้ว่าทางการจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายและแก้ไขปัญหานี้จากต้นตอ
“ในขณะที่เราชัดเจนว่าผู้คนไม่ควรเดินทางมายังชายแดนในตอนนี้ เรายังเข้าใจว่าเราจะต้องบังคับใช้กฎหมาย เนื่องจากเราสามารถเคี้ยวหมากฝรั่งและเดินไปด้วยในเวลาเดียวกัน เราต้องมาดูถึงต้นตอของสาเหตุที่ทำให้ผู้อพยพออกเดินทาง” เธอกล่าว
ภาพ: Alex Wong / Getty Images
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- https://www.aljazeera.com/news/2021/3/24/biden-names-harris-lead-effort-stem-migration-border?fbclid=IwAR1YziJ7_U4FE5vZEwNuAnKryI8o9j1P88e305DGBYsgKe9IL-W-d3tKUOQ
- https://www.reuters.com/article/usa-immigration-biden-harris/update-3-biden-names-harris-to-lead-efforts-with-mexico-to-stem-flow-of-immigrants-idUSL1N2LM2L5