×

หุ้นกลุ่มธนาคาร – พรีวิว 3Q66 คาดกำไรเพิ่มขึ้น YoY, ทรงตัว QoQ

26.09.2023
  • LOADING...
หุ้นกลุ่มธนาคาร

เกิดอะไรขึ้น:

พรีวิวกำไรสุทธิ 3Q66 ของกลุ่มธนาคาร InnovestX Research คาดว่าจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัว QoQ ลดลง แต่จะเพิ่มขึ้น 14%YoY (NII เพิ่มขึ้นเนื่องจาก NIM ดีขึ้น) โดยคาดว่า BBL จะเป็นธนาคารที่รายงานกำไรสุทธิ 3Q66 เติบโตแข็งแกร่งที่สุด โดยได้รับการสนับสนุนจาก Credit Cost ที่ลดลงมากที่สุด และ NIM ที่ขยายตัวมากที่สุด 

 

พรีวิวผลประกอบการกลุ่มธนาคารสรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้

 

  1. Credit Cost: คาดว่า Credit Cost จะเพิ่มขึ้น 27 bps YoY แต่ลดลง 5 bps QoQ โดยส่วนใหญ่เกิดจาก BBL (ตั้งสำรองจำนวนมากไปแล้วในช่วงครึ่งปีแรก) และ SCB (ไม่มีการตั้งสำรองพิเศษสำหรับลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่รายหนึ่ง และ CardX เกิดขึ้นอีก) ใน 3Q66 ขณะที่คาดว่า NPL จะเพิ่มขึ้นจากการทยอยปรับเพิ่มอัตราการชำระหนี้ที่ปรับโครงสร้างแล้ว การฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ไม่ทั่วถึง การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูงขึ้น
  2. การเติบโตของสินเชื่อ: การเติบโตของสินเชื่อกลุ่มธนาคารอยู่ในระดับต่ำที่ 0%QTD, 0.6%YoY และ -0.1%YTD ณ เดือนสิงหาคม
  3. NIM: คาดว่า NIM จะเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง YoY และเพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ โดยได้รับการสนับสนุนจากการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้นในเดือนสิงหาคม และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยใน 2Q66 ขณะที่คาดว่า NIM ของกลุ่มธนาคารจะเพิ่มขึ้น 5 bps QoQ และ 38 bps YoY ใน 3Q66 นอกจากนี้ ยังคาดว่า BBL จะเป็นธนาคารเพียงแห่งเดียวที่ได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ย LIBOR ที่สูงขึ้น และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ใน 3Q66
  4. Non-NII: คาดว่า Non-NII จะลดลงทั้ง YoY และ QoQ โดยมีสาเหตุมาจากกำไรจากเครื่องมือทางการเงิน และกำไรจากเงินลงทุนที่น้อยลง รวมถึงรายได้ค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับตลาดทุนที่ลดลง 
  5. OPEX: คาดว่า OPEX จะอยู่ในระดับทรงตัว QoQ แต่เพิ่มขึ้น YoY (ค่าใช้จ่ายด้าน IT ค่าใช้จ่ายพนักงาน และค่าใช้จ่ายการตลาด) โดยคาดว่าอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ของกลุ่มธนาคารโดยรวมจะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างทรงตัว QoQ และลดลงเล็กน้อย YoY 

 

กระทบอย่างไร:

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นกลุ่มธนาคาร (SETBANK) ปรับลง 4.52%MoM ขณะที่ SET Index ปรับลง 3.39%MoM 

 

แนวโน้มกำไรปี 2566 และปี 2567:

สำหรับปี 2566 คาดว่ากำไรกลุ่มธนาคารจะเติบโต 20% โดยคาดว่าสินเชื่อจะเติบโต 4%NIM จะขยายตัว 40 bps Credit Cost จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 12 bps Non-NII จะอยู่ในระดับทรงตัว (รายได้ค่าธรรมเนียมทรงตัว) และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้จะลดลงเล็กน้อย และคาดว่ากำไรของกลุ่มธนาคารจะเติบโต 7% ในปี 2567 ชะลอตัวลงจาก 20% ในปี 2566 โดยในปี 2567 คาดว่า NIM จะขยายตัวเล็กน้อย การเติบโตของสินเชื่อจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยสู่ 4% Credit Cost จะลดลงเล็กน้อย Non-NII จะอยู่ในระดับทรงตัว และอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้จะลดลงเล็กน้อย

 

อย่างไรก็ดี ยังคงเลือก BBL (เรตติ้ง Outperform ด้วยราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 210 บาท) และ KTB (เรตติ้ง Outperform ด้วยราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 25 บาท) เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มธนาคาร เพราะ 1. NIM จะขยายตัวมากที่สุด เนื่องจากจะได้รับประโยชน์มากที่สุดจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2. ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ต่ำกว่าธนาคารอื่นๆ และ 3. Valuation น่าสนใจ

 

ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม คือความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว การขยายสินเชื่อได้ช้ากว่าคาดเนื่องจากความต้องการสินเชื่อชะลอตัวและการแข่งขันสูง และผลกระทบจาก FinTech

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising