×

จากโรงเรียนสอนทำอาหารไทย สู่ห้องครัวและโต๊ะกับข้าว เรื่องราวของ Bangkok Bold Kitchen

11.04.2018
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

5 Mins. Read
  • อาหารไทยแบบบ้านๆ รสชาติดีเยี่ยมที่แม้มิชลินไม่มาให้ดาว แต่เราอยากให้คุณลองแวะมาชิมดูสักครั้ง โดยสามารถลิ้มลองได้ทั้งเมนูพื้นบ้านที่สร้างสรรค์จากพืชผักท้องถิ่นและวัตถุดิบตามฤดูกาล ที่นับวันยิ่งหาทานได้ยากขึ้นทุกที และหมุนเวียนเปลี่ยนเมนูทุกๆ 5-6 เดือน
  • อาหารไทยของเชฟเป็นอาหารไทยบ้านๆ แต่ทุกอย่างในจานสามารถกินได้หมด ทั้งยังมีรสชาติที่หลากหลาย ซึ่งอาหารชาวบ้านแตกต่างจากอาหารชาววังโดยอาหารชาววังมักมีรสกลม นวล และเป็นกลาง ส่วนอาหารชาวบ้านมักจะมีรสเด่นเพียงหนึ่งเดียวในแต่ละจาน จะเป็นเค็มนำ หวานนำ เปรี้ยวนำ ก็แล้วแต่เครื่องปรุงและสมุนไพรตามแต่ที่ชาวบ้านหามาได้และขึ้นอยู่กับวัตถุดิบตามฤดูกาล และนอกจากอาหารชาวบ้าน ก็ยังมีอาหารที่ได้รับการถ่ายทอดสูตรมาจากคุณแม่ คุณย่าคุณยาย ตลอดจนการดัดแปลงจากตัวเชฟเอง

คนรักการสรรหาของกินอร่อยอาจเคยได้ยินชื่อ Bangkok Bold Kitchen มาก่อน นี่คือร้านอาหารไทยบ้านๆ ที่ไม่ธรรมดา ที่เราอยากให้มาลองสักครั้ง

 

Bangkok Bold Kitchen ตั้งอยู่ภายใน Riverside Plaza คอมมูนิตี้มอลล์ที่ตั้งอยู่ถัดจากโรงแรมอนันตรา กรุงเทพฯ ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท แอนด์ สปา ที่ย่านสำเหร่ (ซึ่งมีเรือรับส่งจากท่าเรือสาทรไปถึงโรงแรมทุก 20 นาที)

 

บรรยากาศเรือนไม้ไทยๆ แบบโมเดิร์น

 

The Vibe

ด้วยความที่เป็นร้านอาหารไทย การตกแต่งและบรรยากาศร้านจึงให้ความรู้สึกเหมือนนั่งทานข้าวบนบ้านไม้เรือนไทยสมัยเก่า โต๊ะไม้ เก้าอี้พนักหลังทรงสูง ระแนงไม้ลวดลายเอกลักษณ์แบบไทยๆ ตลอดจนข้าวของเครื่องใช้ประจำครัว ล้วนแต่ตอกย้ำถึงแก่นสำคัญของร้าน นั่นคืออาหารไทยแบบบ้านๆ

 

บรรยากาศภายในร้าน

 

The Concept

เชฟหน่อย-ช่อทิพย์ อวยพรชัยสกุล เล่าให้เราฟังถึงที่มาของ Bangkok Bold Kitchen ตั้งแต่ยุคแรกเริ่มย้อนกลับไปเมื่อ 8 ปีที่แล้ว Bangkok Bold เกิดขึ้นในฐานะบล็อกออนไลน์ด้านอาหาร เป็นพื้นที่กลางในการเล่าสู่กันฟังประสบการณ์ด้านอาหารของเชฟหน่อยและเพื่อน รวมถึงรีวิวร้านอร่อยที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้จัก ในช่วงแรกเชฟหน่อยบินไปทำงานที่อเมริกา และเมื่อกลับไทยก็เกิดความรู้สึกอยากกลับไปสู่ความสามัญธรรมดา จึงได้ออกเดินทางไปต่างจังหวัดเพื่อศึกษาเรียนรู้วิถีการกิน หน้าตาอาหารบ้านๆ ที่ชาวบ้านทำกินทุกวัน และเก็บเกี่ยวสั่งสมประสบการณ์มาอย่างต่อเนื่องพร้อมแชร์ลงบล็อกส่วนตัว และต่อมาก็ได้ตัดสินใจเปิดโรงเรียนสอนทำอาหารไทยในชื่อ Bangkok Bold Cooking Studio ตั้งอยู่แถวถนนพระสุเมรุ เป็นทั้งคลาสทำอาหารและ Chef’s Table ที่นั่นเองที่เชฟหน่อยได้ทดลองทำหลายสิ่งใหม่ๆ ทั้งวัตถุดิบ สูตรอาหาร ดัดแปลงเมนูให้มีคาแรกเตอร์ชัดเจนยิ่งขึ้น จนอาหารหลายเมนูที่เชฟหน่อยเคยทำที่สตูดิโอได้เข้ามาเป็นเมนูประจำร้านในที่สุด

 

มื้ออร่อยแบบไทยๆ

 

The Dishes

แม้จะเปิดร้านมาได้สักพักใหญ่แล้ว แต่ทุกครั้งที่เราไปแวะไป Bangkok Bold Kitchen ก็ได้รสชาติแปลกใหม่กลับมาฝันถึงเสมอ เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่เชฟหน่อยได้เตรียมเมนูพิเศษให้เราได้ลองชิมด้วย อาหารไทยของเชฟหน่อยนั้นเป็นอาหารไทยบ้านๆ แต่ทุกอย่างในจานสามารถกินได้หมด ทั้งยังมีรสชาติที่หลากหลาย ซึ่งเชฟหน่อยเสริมว่า อาหารชาวบ้านจะแตกต่างจากอาหารชาววังที่การนำเสนอรสชาติ หากเป็นอาหารชาววังมักจะมีรสกลม นวล และกลาง ส่วนอาหารชาวบ้านมักจะมีรสเด่นเพียงหนึ่งเดียวในแต่ละจาน จะเป็นเค็มนำ หวานนำ เปรี้ยวนำ ก็แล้วแต่เครื่องปรุงและสมุนไพรตามแต่ที่ชาวบ้านหามาได้และขึ้นอยู่กับวัตถุดิบตามฤดูกาล และนอกจากอาหารชาวบ้าน ก็ยังมีอาหารที่ได้รับการถ่ายทอดสูตรมาจากคุณแม่ คุณย่าคุณยาย ตลอดจนการดัดแปลงจากตัวเชฟเอง

 

ขนมเบื้องไข่ม้วนสุโขทัย

 

เมนูเรียกน้ำย่อย เชฟหน่อยแนะนำให้เรารู้จัก ขนมเบื้องไข่ม้วนสุโขทัย (150 บาท) สตรีทฟู้ดตามงานวัดที่เริ่มจะเลือนหายในยุคปัจจุบัน เริ่มต้นด้วยการนำไข่มาร่อนในกระทะ จากนั้นผัดพริกแกงกับมะพร้าว ถั่ว หอมเจียว หมูสับ ปลา น้ำตาล รากผักชี กระเทียม และพริกไทย แล้วม้วนไข่เข้าหากันเพื่อนำไปจี่ จัดใส่จานเสิร์ฟพร้อมถั่วงอกและอาจาด เคี้ยวไส้อัดแน่นๆ ที่ห่อไข่พร้อมอาจาดเหยาะเล็กน้อย ชวนน้ำลายสอ

 

ลาบมะเขือยาวกับปลาดุกย่าง

 

ต่อด้วยเมนูพิเศษจากเชฟที่นำสตรีทฟู้ดสองอย่างมาจับคู่และเสิร์ฟในจานเดียวกัน ลาบมะเขือยาวกับปลาดุกย่าง (170 บาท) สองอย่างนี้เป็นอาหารที่พบเห็นได้ตามรถเข็นส้มตำหรืออาหารอีสาน โดยเลือกที่จะนำเสนอมะเขือยาวลอกเปลือกออกแล้วเผา กับปลาดุกชิ้นย่าง มะเขือให้สัมผัสนุ่มนิ่มแกล้มรสหวานอ่อนๆ ส่วนปลาดุกชิ้นให้สัมผัสเนื้อเต็มปากเต็มคำ แถมมีกลิ่นหอมและรสเค็ม เมื่อทานสองอย่างนี้พร้อมกันก็คือความลงตัวดีๆ นี่เอง

 

ชะอมผัดปลาทูพริกสดและกากหมู

 

ชะอมผัดปลาทูพริกสดและกากหมู (170 บาท) ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อก็จินตนาการแทบจะไม่ออกว่าหน้าตาและรสชาติจะออกมาเป็นอย่างไร ระหว่างรอเมนูนี้เชฟเปรยให้ฟังว่าจานนี้เองที่ขายดีที่สุดตั้งแต่เริ่มเปิดร้าน และเกิดจากความคิดที่จะดัดแปลงข้าวผัดปลาทูพริกสดให้มาเป็นกับข้าว เลยใช้เป็นโจทย์ตั้งต้นในการสร้างสรรค์เมนูใหม่ ลองผิดลองถูกที่ Bangkok Bold Cooking Studio อยู่หลายเดือนจนกระทั่งได้สูตรที่ลงตัว ปลาทูทอดแกะเนื้อเลาะก้างเสร็จสรรพ ผัดกับกากหมูเจียวและกากหมูกรอบ เพิ่มสีสันและรสเผ็ดจัดจ้านด้วยพริกแดง พริกเหลือง พริกจินดา ใส่ชะอมเล็กน้อยให้ได้สัมผัสเวลาเคี้ยว จานนี้จะเป็นกับแกล้มหรือทานพร้อมข้าวสวยร้อนๆ ก็ดีทั้งคู่

 

ปลาช่อนนึ่งขมิ้นกับแจ่วเห็ด

 

ถ้าไปร้านอาหารไทยหลายแห่งอาจจะเจอเมนูปลาทอดสามรสหรือทอดน้ำปลา แต่ที่ร้านนี้จะพาทุกคนไปสัมผัสรสชาติเมนูปลาบ้านๆ อย่าง ปลาช่อนนึ่งขมิ้นกับแจ่วเห็ด (290 บาท) เชฟได้ไอเดียจากปลาช่อนนึ่งกับแจ่วพริก สำหรับเมนูนี้จะนำปลาช่อนไปนึ่ง พร้อมกับยัดไส้ข้าวเหนียวเข้าไปในตัวปลา รองฐานปลาด้วยผักนึ่ง น้ำราดปลาเป็นแกงอ่อมพริกย่างผสมปลาร้า ขมิ้น และขนุนอ่อน รับประทานคู่กับแจ่วเห็ดที่เสิร์ฟแยกมาให้ต่างหาก ให้รสเปรี้ยวๆ เค็มๆ ถึงรสชาติอีสาน

 

เครื่องแกงโขลกที่ร้านทำขึ้นเอง ผสมน้ำปลาร้า ชะอม ใบแมงลัก เห็ด กะทิสด และคอหมูย่าง

 

ต้ม ผัด ทอด กันไปแล้ว มาชิมแกงกันบ้าง แกงลาวกะทิสดกับหมูย่าง (180 บาท) ชามนี้ต่อยอดมาจากแกงเปรอะซึ่งเชฟมองว่าน่าสนใจ เพราะไม่มีเนื้อสัตว์เป็นส่วนผสมเลย แต่กลับมีรสชาติโดดเด่นและไม่ได้ขาดรสไหนเป็นพิเศษ สำหรับแกงลาวกะทิสดนี้จะไม่ใส่ใบย่านางเนื่องจากจะทำให้แกงเปลี่ยนสี แต่ยังคงมีเครื่องแกงโขลกที่ร้านทำขึ้นเอง ผสมน้ำปลาร้า ชะอม ใบแมงลัก เห็ด กะทิสด และคอหมูย่าง เคี่ยวด้วยกันจนแกงซึมเข้าเนื้อ แค่ตักแกงทานกับข้าวสวยก็อร่อยเหาะ

 

ล้างปากด้วยส้มฉุนมะม่วงเบา

 

ในส่วนของขนมหวานล้างปาก เชฟนำคอนเซปต์อาหารที่เรียกว่า ‘Sweet & Savory’ หากจะแปลเป็นไทยน่าจะยังไม่มีศัพท์เฉพาะเจาะจง แต่เหมือนเป็นอาหารที่มีรสชาติตัดกัน โดยเฉพาะหวานกับเค็ม หรือวัตถุดิบที่ใส่ในอาหารคาว แต่กลับนำมาจับคู่กับของหวาน ส่วนในแถบตะวันตกคือเบคอนกับเมเปิลไซรัป ซอลต์คาราเมล วาฟเฟิลกับไก่ทอด ฯลฯ ทางฝั่งขนมไทยแนวนี้ก็มีเช่นกัน นั่นคือ ส้มฉุนมะม่วงเบา (120 บาท) หลักๆ แล้วประกอบด้วยส้มฉุน มะม่วงเบาจากสงขลาลอยแก้วในน้ำเชื่อมสามรส เค็ม หวาน เปรี้ยว พร้อมส้มซ่าและเปลือกแตงโมแช่อิ่ม โปะทับด้วยน้ำแข็งไส และมีหอมเจียวกับขิงซอยโรยหน้า ทานทุกองค์ประกอบพร้อมกัน ได้รสหวานเย็น แถมขมปลายลิ้นเล็กน้อย เป็นอีกหนึ่งของหวานไทยที่หากินได้ยากและมีคาแรกเตอร์เฉพาะตัว

 

บรรยากาศรอบๆ ร้าน

 

What You Should Know:

  • นอกจากเมนูตามสั่งแล้ว ทางร้านยังมีเซตอาหารกลาง ใต้ อีสาน หรือเซตอาหารพิเศษ เป็นทางเลือกสำหรับใครที่ไม่แน่ใจว่าจะสั่งอะไรดี หรือมากันเป็นกลุ่ม 3-4 คน
  • แต่ละเดือนเชฟหน่อยจะนำเสนอเมนูพิเศษที่ทำขึ้นจากวัตถุดิบตามฤดูกาลหรือตำรับตำราคุณย่าคุณยาย ดังนั้นทุกครั้งที่ไปอาจมีเซอร์ไพรส์อร่อยๆ ให้ได้ชิมกันเสมอ
  • แม้จะตั้งอยู่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำเจ้าพระยา แต่การเดินทางมายัง Bangkok Bold Kitchen ด้วยระบบขนส่งสาธารณะก็ค่อนข้างสะดวก เพราะสามารถนั่งรถไฟฟ้า BTS มาลงสถานีสะพานตากสิน แล้วต่อเรือเพื่อมาโรงแรมอนันตรา กรุงเทพฯ ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท แอนด์ สปา แล้วเดินต่อมาที่ร้านได้ ซึ่งเรือมีรอบรับส่งทุกๆ 20 นาที
  • Bangkok Bold Kitchen เป็นทั้งร้านอาหารและมีคลาสสอนทำอาหารด้วย ราคาเริ่มต้นท่านละ 3,500 บาท เรียนตั้งแต่เวลา 12.00-15.00 น. เลือกทำอาหารได้ 3 เมนู รับคลาสละไม่เกิน 2 ท่าน และต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น ส่วน Bangkok Bold Cooking Studio ที่ถนนพระสุเมรุ ยังคงให้บริการคลาสสอนทำอาหารและมี Chef’s Table อีกด้วย

 

Bangkok Bold Kitchen

Open: เปิดทุกวัน เวลา 11.00-22.00 น.

Address: ชั้น 2 Riverside Plaza กรุงเทพฯ (หน้าโรงแรมอนันตรา กรุงเทพฯ ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท แอนด์ สปา)

Contact: โทร 09 6626 4519

Page: www.facebook.com/bangkokboldkitchen

Map: 

 

  • LOADING...

READ MORE



Latest Stories

Close Advertising