×

‘แบงก์กรุงเทพ’ โชว์กำไรปี 65 กว่า 2.9 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6% หลังสินเชื่อโต-ดอกเบี้ยขาขึ้น ดันรายได้ดอกเบี้ยพุ่ง 24.4%

19.01.2023
  • LOADING...

ธนาคารกรุงเทพ กวาดกำไรสุทธิปี 2565 กว่า 2.9 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6% หลังรายได้ดอกเบี้ยสุทธิพุ่ง 24.4% ตามการเพิ่มขึ้นของปริมาณเงินให้สินเชื่อ และผลของดอกเบี้ยขาขึ้น

 

ธนาคารกรุงเทพและบริษัทย่อยรายงานกำไรสุทธิสำหรับปี 2565 จำนวน 29,306 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 24.4% ตามการเพิ่มขึ้นของปริมาณเงินให้สินเชื่อ และการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ย โดยส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 2.42% สอดคล้องกับทิศทางของอัตราดอกเบี้ย และการบริหารจัดการสภาพคล่องของธนาคาร 

 

ขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลง 30% ส่วนใหญ่เกิดจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเครื่องมือทางการเงินซึ่งเป็นไปตามสภาวะตลาด และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิลดลงจากธุรกิจหลักทรัพย์ และบริการประกันผ่านธนาคารและบริการกองทุนรวม ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมจากการอำนวยสินเชื่อและบริการการค้าระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น

 

สำหรับอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 49.7% ทั้งนี้ ธนาคารพิจารณาตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจำนวน 32,647 ล้านบาท ลดลง 4.4% จากปีก่อน โดยธนาคารยังคงยึดหลักความระมัดระวังในการตั้งสำรอง โดยพิจารณาความผันผวนของเศรษฐกิจโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย

 

ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2565 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 2,682,691 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.6% จากสิ้นปี 2564 ส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากสินเชื่อลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ และสินเชื่อกิจการต่างประเทศ  

 

สำหรับอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อรวมยังคงอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ที่ 3.1% 

 

ทั้งนี้ จากการที่ธนาคารยึดหลักการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังและรอบคอบอย่างต่อเนื่อง ทำให้อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 260.8%

 

ธนาคารมีเงินรับฝาก ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2565 จำนวน 3,210,896 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.7% จากสิ้นปี 2564 และมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากอยู่ที่ 83.5%  

 

ขณะที่อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น อัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 และอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารและบริษัทย่อยอยู่ที่ 19.1%, 15.7% และ 14.9% ตามลำดับ ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าอัตราส่วนเงินกองทุนขั้นต่ำตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด 

 

ทั้งนี้ ในระยะข้างหน้าธนาคารยังคงแนวทางการดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ พร้อมทั้งดำรงฐานะการเงิน สภาพคล่อง และเงินกองทุนให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง เพื่อการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน

 

โดยประเมินว่าการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีน จะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนเศรษฐกิจไทยในปี 2566 ซึ่งคาดว่าไทยจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 20 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% เทียบกับช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด

 

อย่างไรก็ดี ท่ามกลางการฟื้นตัวดังกล่าว เศรษฐกิจไทยก็ยังมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ธนาคารจึงให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการดูแลลูกค้าทั้งลูกค้าธุรกิจและลูกค้าบุคคลอย่างใกล้ชิด ให้สามารถก้าวผ่านความท้าทายทางเศรษฐกิจที่กำลังรออยู่ โดยคำนึงถึงความสอดคล้องกับสถานการณ์และผลกระทบของลูกค้าแต่ละราย 

 

นอกจากนี้ ธนาคารจะให้คำแนะนำในการปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจตามแนวโน้มของการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า ทั้งด้านดิจิทัลเทคโนโลยี นวัตกรรมแห่งโลกอนาคต รวมถึงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ตลอดจนการสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising