ศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD ถึงโครงการบ้านเพื่อคนไทย ว่าที่มาของแนวคิดนี้มาจากหลักการพื้นฐานว่าคนที่มีบ้านเป็นของตัวเองสามารถพัฒนาตัวเองและครอบครัวต่อไปได้อย่างดีกว่าเมื่อเทียบกับคนที่ไม่มีบ้าน นอกจากนี้การมีบ้านจะเกิดการต่อยอดทางเศรษฐกิจ เช่น ซื้อเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ โดยรัฐบาลเลือกพื้นที่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ซึ่งตั้งอยู่ตามแนวเส้นทางรถไฟและเป็นทำเลที่สะดวกต่อการเดินทาง โดยโครงการบ้านเพื่อคนไทยจะเชื่อมโยงกับโครงการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายในอนาคต สำหรับเงื่อนไขเข้าร่วมโครงการบ้านเพื่อคนไทย เบื้องต้นต้องเป็นคนที่มีบ้านหลังแรก ส่วนนิยามของคำว่าบ้านหลังแรกโดยละเอียดจะเปิดเผยอย่างเป็นทางการอีกครั้ง แต่โดยหลักการเราอยากให้คนที่ไม่เคยมีบ้านเลย ยังไม่เคยขอสินเชื่อเพื่อกู้ซื้อบ้านเลยได้เข้าถึง เพราะเราไม่อยากให้เกิดการเก็งกำไรกันในภายหลัง
รูปแบบโครงการมีทั้งคอนโด-บ้านเดี่ยว
โครงการบ้านเพื่อคนไทยถือเป็นหนึ่งในโปรเจกต์ใหญ่ของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ที่จะใช้ที่ดินของ รฟท. กว่า 38,000 ไร่ มาทำที่อยู่อาศัยให้ประชาชน
ในมุมมองของรัฐบาล เดิมทีที่ดินเหล่านี้ไม่ได้ถูกใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ หลายพื้นที่เป็นชุมชนแออัด บ้างก็ถูกใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต หลายไร่ก็เป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่า จึงเกิดแนวคิดนำที่ดินเหล่านี้มาทำที่อยู่อาศัย สร้างคอมมูนิตี้ หวังกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มตัวเลข GDP โดยโครงการบ้านเพื่อคนไทยวางแผนไว้ถึง 100,000 ยูนิต มีทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านเดี่ยว
รายละเอียดของที่พักอาศัยในรูปแบบคอนโดมิเนียมจะมีห้อง 4 ขนาด เริ่มตั้งแต่ 1 ห้องนอน 30 ตารางเมตร ซึ่งเป็นขนาดเล็กสุด แล้วที่เหลือจะเป็นแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 40 ตารางเมตร 45 ตารางเมตร และ 51 ตารางเมตร พร้อมด้วยระบบบริหารจัดการแบบ Smart Residence และมีการติดตั้ง Smart Function ทั้งในห้องพักและพื้นที่ส่วนกลาง
รูปแบบคอนโดมิเนียม แปลง กม.11
รูปแบบบ้านเดี่ยวที่ดิน 50 ตารางวา
เปิด 3 ทำเลกรุงเทพฯ-ปริมณฑล
จากข้อมูลล่าสุด โครงการนำร่อง 3 แห่งจะเป็นคอนโดมิเนียมความสูงไม่เกิน 7 ชั้น ได้แก่
- แปลง กม.11 ตรงข้ามกับกระทรวงพลังงาน
- แปลงธนบุรี ห่างจากโรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ ประมาณ 1.5 กิโลเมตร
- แปลงเชียงราก อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต และมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
โดยผู้เช่าจะต้องจ่ายค่าส่วนกลางเหมือนคอนโดมิเนียมปกติ ซึ่งทางรัฐบาลยังไม่ได้เคาะตัวเลขว่าตกปีละเท่าไร
ส่วนรายละเอียดบ้านเดี่ยว ตอนนี้มีรูปแบบเดียวคือบ้านชั้นเดียว 2 ห้องนอน พื้นที่รวม 50 ตารางวา ส่วนพื้นที่อาคาร 50 ตารางเมตร จอดรถได้ 2 คัน
เปิดตารางผ่อนบ้านเพื่อคนไทย กู้ ธอส. ดอกเบี้ยคงที่ 2.5%
วิธีการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ดอกเบี้ยคงที่ 2.5% สัญญาเช่า 30 ปี ต่อสัญญา 1 ครั้ง รวมเช่าได้ 60 ปี ซึ่งเป็นไปตามข้อกฎหมาย เนื่องจากเป็นพื้นที่รัฐ และหากการแก้ไข พ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิ เพื่อให้ขยายสัญญาการเช่าจาก 30 ปีเป็น 99 ปีสำเร็จ ก็จะมีผลย้อนหลังให้กับผู้เช่า
สำหรับระยะเวลาการผ่อนเช่ามีตั้งแต่ 30 ปี 40 ปี และ 50 ปี สิทธิในการอยู่อาศัย 99 ปี เมื่อผ่อนชำระเสร็จจะมีสิทธิเป็นเจ้าของไปอีก 60 ปี
การเช่าพื้นที่ 99 ปี หมายถึงการเป็นเจ้าของและมีกรรมสิทธิ์ได้ 99 ปี หลังจากนั้นจะต้องคืนพื้นที่
สำหรับการผ่อนชำระ ประชาชนจะผ่อนกับ ธอส. โดยราคาผ่อนต่อเดือน 4,000 บาท หากประชาชนได้รับสินเชื่อ Post Finance ระยะเวลา 30 ปี สามารถกู้ซื้อบ้านได้ 1 ล้านบาท ระยะเวลา 40 ปี สามารถกู้ซื้อบ้านได้ 1.2 ล้านบาท ระยะเวลา 50 ปี สามารถกู้ซื้อบ้านได้ 1.2 ล้านบาท หรือ 1.4 ล้านบาท ดอกเบี้ย 2.5% คงที่ 25 ปี
ตัวอย่างเช่น บ้านขนาดเล็ก ราคาเฉลี่ย 900,000 บาท ระยะเวลาเงินกู้ 25 ปี ผ่อนชำระ 4,038 บาทต่อเดือน บ้านราคาเฉลี่ย 1,000,000 บาท ระยะเวลาเงินกู้ 30 ปี ผ่อนชำระ 3,951 บาทต่อเดือน บ้านราคาเฉลี่ย 1,200,000 บาท ระยะเวลาเงินกู้ 40 ปี ผ่อนชำระ 3,957 บาทต่อเดือน บ้านราคาเฉลี่ย 1,400,000 บาท ระยะเวลาเงินกู้ 50 ปี ผ่อนชำระ 4,090 บาทต่อเดือน
หากเป็นบ้านราคาเฉลี่ยสูงสุดอยู่ที่ 1,600,000 บาท ระยะเวลาเงินกู้ 50 ปี ผ่อนชำระ 4,676 บาทต่อเดือน
ตารางแสดงยอดผ่อนต่อเดือน (บาท) สำหรับสินเชื่อ ธอส. ดอกเบี้ย 2.5% คงที่ 25 ปี
ราคาผ่อนต่อเดือน 4,000 บาท หากประชาชนได้รับสินเชื่อ Post Finance ระยะเวลา 30 ปี สามารถกู้ซื้อบ้านได้ 1 ล้านบาท ระยะเวลา 40 ปี สามารถกู้ซื้อบ้านได้ 1.2 ล้านบาท ระยะเวลา 50 ปี สามารถกู้ซื้อบ้านได้ 1.2 ล้านบาท หรือ 1.4 ล้านบาท ดอกเบี้ย 2.5% คงที่ 25 ปี
บ้านราคาเฉลี่ย 900,000 บาท ระยะเวลาเงินกู้ 25 ปี ผ่อนชำระ 4,038 บาทต่อเดือน ระยะเวลาเงินกู้ 30 ปี ผ่อนชำระ 3,556 บาทต่อเดือน ระยะเวลาเงินกู้ 40 ปี ผ่อนชำระ 2,968 บาทต่อเดือน ระยะเวลาเงินกู้ 50 ปี ผ่อนชำระ 2,629 บาทต่อเดือน
บ้านราคาเฉลี่ย 1,000,000 บาท ระยะเวลาเงินกู้ 25 ปี ผ่อนชำระ 4,486 บาทต่อเดือน ระยะเวลาเงินกู้ 30 ปี ผ่อนชำระ 3,951 บาทต่อเดือน ระยะเวลาเงินกู้ 40 ปี ผ่อนชำระ 3,298 บาทต่อเดือน ระยะเวลาเงินกู้ 50 ปี ผ่อนชำระ 2,921 บาทต่อเดือน
บ้านราคาเฉลี่ย 1,100,000 บาท ระยะเวลาเงินกู้ 25 ปี ผ่อนชำระ 4,935 บาทต่อเดือน ระยะเวลาเงินกู้ 30 ปี ผ่อนชำระ 4,346 บาทต่อเดือน ระยะเวลาเงินกู้ 40 ปี ผ่อนชำระ 3,628 บาทต่อเดือน ระยะเวลาเงินกู้ 50 ปี ผ่อนชำระ 3,214 บาทต่อเดือน
บ้านราคาเฉลี่ย 1,200,000 บาท ระยะเวลาเงินกู้ 25 ปี ผ่อนชำระ 5,383 บาทต่อเดือน ระยะเวลาเงินกู้ 30 ปี ผ่อนชำระ 4,741 บาทต่อเดือน ระยะเวลาเงินกู้ 40 ปี ผ่อนชำระ 3,957 บาทต่อเดือน ระยะเวลาเงินกู้ 50 ปี ผ่อนชำระ 3,506 บาทต่อเดือน
บ้านราคาเฉลี่ย 1,300,000 บาท ระยะเวลาเงินกู้ 25 ปี ผ่อนชำระ 5,832 บาทต่อเดือน ระยะเวลาเงินกู้ 30 ปี ผ่อนชำระ 5,137 บาทต่อเดือน ระยะเวลาเงินกู้ 40 ปี ผ่อนชำระ 4,287 บาทต่อเดือน ระยะเวลาเงินกู้ 50 ปี ผ่อนชำระ 3,798 บาทต่อเดือน
บ้านราคาเฉลี่ย 1,400,000 บาท ระยะเวลาเงินกู้ 25 ปี ผ่อนชำระ 6,281 บาทต่อเดือน ระยะเวลาเงินกู้ 30 ปี ผ่อนชำระ 5,532 บาทต่อเดือน ระยะเวลาเงินกู้ 40 ปี ผ่อนชำระ 4,617 บาทต่อเดือน ระยะเวลาเงินกู้ 50 ปี ผ่อนชำระ 4,090 บาทต่อเดือน
บ้านราคาเฉลี่ย 1,500,000 บาท ระยะเวลาเงินกู้ 25 ปี ผ่อนชำระ 6,729 บาทต่อเดือน ระยะเวลาเงินกู้ 30 ปี ผ่อนชำระ 5,927 บาทต่อเดือน ระยะเวลาเงินกู้ 40 ปี ผ่อนชำระ 4,947 บาทต่อเดือน ระยะเวลาเงินกู้ 50 ปี ผ่อนชำระ 4,382 บาทต่อเดือน
บ้านราคาเฉลี่ย 1,600,000 บาท ระยะเวลาเงินกู้ 25 ปี ผ่อนชำระ 7,178 บาทต่อเดือน ระยะเวลาเงินกู้ 30 ปี ผ่อนชำระ 6,322 บาทต่อเดือน ระยะเวลาเงินกู้ 40 ปี ผ่อนชำระ 5,276 บาทต่อเดือน ระยะเวลาเงินกู้ 50 ปี ผ่อนชำระ 4,674 บาทต่อเดือน
สำหรับรูปแบบสัญญาเช่าคราวละ 30 ปี ต่อสัญญาเช่าได้ 1 ครั้ง รวมเป็น 60 ปี ทั้งนี้ เมื่อรัฐบาลแก้กฎหมายให้สัญญาเช่ามีอายุการเช่าได้ 99 ปี จะมีการแก้ไขสัญญาเช่าบ้านพร้อมที่ดินให้กับประชาชนผู้เช่าให้มีอายุสัญญาเช่าคราวละ 99 ปีด้วย
ไทม์ไลน์โครงการเปิดจองช่วงเดือนมกราคม 2568
20 มกราคม 2568: คาดว่าจะเปิดให้จองโครงการ
เดือนกุมภาพันธ์ 2568: เริ่มก่อสร้างโครงการนำร่อง 3 โครงการ ได้แก่ กม.11, ธนบุรี และเชียงราก
เดือนธันวาคม 2568: เริ่มโอนโครงการนำร่อง 154 หน่วย
เดือนมิถุนายน 2569: เริ่มโอนโครงการนำร่อง 4,256 หน่วย
เดือนธันวาคม 2569: เริ่มโอนโครงการ 56,000 หน่วย
ภายในปี 2570: เริ่มโอนโครงการ 39,590 หน่วย
รวมทั้งสิ้น 100,000 หน่วย สามารถโอนได้แล้วเสร็จภายในปี 2570
ภาพประกอบ: นิสากร ฤทธาภัย