×

ถ้าเรามีความสนใจที่ตรงกัน จะทำให้ความสัมพันธ์ยืดยาวกว่าจริงหรือไม่?

17.12.2019
  • LOADING...

HIGHLIGHTS

4 MINS. READ
  • สิ่งที่ ลินด์ซีย์ แอนทิน นักบำบัดเรื่องความสัมพันธ์จากเบิร์กลีย์ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เคยศึกษาและได้ข้อสรุปเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ที่อยู่กันได้อย่างยืดยาว คำตอบที่ได้ไม่ใช่การที่คุณมีความสนใจที่เหมือนกัน แต่คือ ‘การปรับตัวได้’ ของคนทั้งสองฝ่ายต่างหาก
  • ตัวช่วยอย่างแอปพลิเคชันประเภท Social Discovery เอง ก็มีส่วนที่คุณสามารถเติมรายละเอียดเกี่ยวกับตัวคุณลงไปใน Bio (ประวัติโดยย่อ) นอกเหนือจากชื่อหรืออายุ ซึ่งคุณอาจลองใส่ความสนใจของคุณ เช่น ถ้าคุณชอบออกกำลังกาย คุณก็ลองใส่รูปที่คุณไปงานวิ่งฮาล์ฟมาราธอนล่าสุดดูสิ

สำหรับเรื่องความรักและความสัมพันธ์ เราอาจต่างมองหาคนที่ ‘เข้ากันได้’ ที่สุด เพื่อมาอยู่เคียงข้าง คนที่พร้อมจะแชร์สารทุกข์สุขดิบกับเรา ไม่ว่าเขาจะเกิดปัญหาหรือมีเหตุการณ์ประทับใจอะไรก็จะมาเล่าสู่กันฟัง เราอาจหยิบยื่นหนังโปรด เพลงโปรด แลกกันฟัง หรือถกเถียงเรื่องการเมืองด้วยกันอย่างออกรส ซึ่งมันก็คงจะเป็นเรื่องที่ดี ถ้าหากเรามีความสัมพันธ์ที่เข้าอกเข้าใจ และมีความสนใจที่คล้ายคลึงกัน เพราะนี่อาจทำให้เรารู้สึกว่า การเริ่มต้นคุยกับใครสักคนมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดี

 

แต่ก็เป็นเพียงช่วงเริ่มต้นที่อาจทำให้คุณกับเขาเข้ากันได้เร็ว หรือคลิกกันทันที แต่ถ้าในระยะยาวล่ะ? แค่มีความสนใจที่เหมือนกัน อาจไม่พอให้ความสัมพันธ์มันยืดยาวหรือเปล่า?

 

Photo: ภาพยนตร์เรื่อง Marriage Story (2019)

 

ในช่วงเริ่มต้นความสัมพันธ์กับใครสักคน แน่นอนว่า คุณต้องเคยเจอคนที่เข้ามาสานสัมพันธ์กับคุณแล้วรู้สึกว่า ‘เฮ้ย กูคุยกับเขาไม่รู้เรื่องว่ะ’ วลีที่ว่า ‘คุยไม่รู้เรื่อง’ นี่แหละที่เป็นเหมือนด่านสำคัญด่านแรกๆ ในความสัมพันธ์ เกิดคุณรู้สึกว่า คนที่คุณคบหาอยู่เกิดขึ้นจากความ ‘คุยไม่รู้เรื่อง’ มันก็น่าสงสัยนะว่า คุณจะทำอย่างไรให้ความสัมพันธ์นี้เดินหน้าต่อไปได้ จริงไหม? 

 

มาร์ก ดี. ไวต์ ศาสตราจารย์ทางด้านปรัชญาจาก The College of Staten Island ในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า การที่คุณแชร์เรื่องราวที่คุณสนใจในครั้งแรกของการออกเดตนับเป็นเรื่องที่ดี เพื่อที่คุณจะได้รู้ว่า คุณกับเขาเข้ากันได้มากแค่ไหน หรือมีความสนใจร่วมกันมากพอหรือเปล่าที่จะคบกันและทำอะไรร่วมกัน เป็นเหมือนการกะเทาะกำแพงที่ตั้งอยู่ในใจของคนสองคนให้ทลายออก และทำให้รู้จักกันและกันได้เร็วขึ้น แต่ถ้ารู้สึกว่าคุยไม่รู้เรื่องหรือไม่ถูกคอกัน ก็แค่จบความสัมพันธ์ลงแค่ตรงนั้น ซึ่งตรงนี้ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณเองนะว่าจะจบหรือไปต่อ 

 

ล่าสุดเราเพิ่งได้ชมภาพยนตร์เรื่อง Marriage Story ที่นำแสดงโดย สการ์เล็ตต์ โจแฮนส์สัน และ อดัม ไดรเวอร์ ที่ว่าด้วยเรื่องสองศิลปินสามีภรรยา ชาร์ลี และ นิโคล กับวงจรชีวิตระหว่างการเตรียมตัวหย่าร้าง ฝั่งหนึ่งเป็นผู้กำกับละครเวทีชื่อดัง ส่วนอีกฝ่ายนั้นเป็นนักแสดง ฟังดูจากสิ่งที่พวกเขาทำอยู่ก็น่าจะมีชีวิตอันสมบูรณ์แบบได้จากสิ่งที่พวกเขาทำ และสุดแสนเพอร์เฟกต์หากมองในมุมของคนนอก ต่างฝ่ายต่างมีความสุขกับงานที่ตัวเองทำ ทั้งยังทำงานด้วยกันในโรงละครแห่งเดียวกันด้วยซ้ำ จนกลายเป็นภาพจำว่า ‘ที่ไหนมีชาร์ลี ที่นั่นมีนิโคล’ ซึ่งดูแล้วแทบจะไม่มีเหตุผลใดๆ เลยที่จะทำให้เขาสองคนนี้ต้องเลิกรากัน 

 

แต่แล้ววันหนึ่ง สิ่งที่ทำให้เขาสองคนตัดสินใจแยกทางกันคือ เรื่องของความไม่เข้าใจกัน ชีวิตรักที่อยู่หลังม่านการแสดงนั้นกลับพังไม่เป็นท่า ด้วยเรื่องราวที่สะสมกันมาบนพื้นฐานของความไม่เข้าใจ การไม่ปรับตัว และการไม่หันหน้ามาคุยกันให้รู้เรื่อง

 

Photo: ภาพยนตร์เรื่อง Marriage Story (2019)

 

นั่นเป็นส่วนของหนังที่เล่าเรื่องราวที่น่าสนใจ และถ้ามองกลับมาที่เรื่องของความสัมพันธ์จริงๆ สิ่งที่ ลินด์ซีย์ แอนทิน นักบำบัดเรื่องความสัมพันธ์จากเบิร์กลีย์ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เคยศึกษาและได้ข้อสรุปเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ที่อยู่กันได้อย่างยืดยาว คำตอบที่ได้คือ ไม่ใช่ว่าที่คุณมีความสนใจที่เหมือนกัน แต่คือ ‘การปรับตัวได้’ ของคนทั้งสองฝ่ายต่างหาก โดยเขาใช้คำว่า ‘Adaptability’ ซึ่งการปรับตัวที่ทำให้ความสัมพันธ์ยืนยาวยิ่งขึ้นคือ การที่สองฝ่ายต่างหันมาปรับตัวและเข้าใจกัน แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรก็ตามในระหว่างที่คบกัน ผ่านไปทีละเรื่อง ทีละเรื่อง หรือแม้แต่เราไม่มีความสนใจเดียวกันแล้ว ซึ่งเราว่า มันเป็นพื้นฐานสำหรับคนที่กำลังอยู่ในความสัมพันธ์ควรนำไปปรับใช้ คุณรักอีกฝ่ายมากพอหรือเปล่าล่ะ? ที่จะยอมปรับตัวหากัน โดยไม่ละทิ้งความเป็นตัวคุณออกไป

 

 

ส่วนตัวผู้เขียนเองในฐานะที่อยู่ในความสัมพันธ์มาช่วงระยะเวลาหนึ่ง เรากลับพบว่า การที่เราต่างแชร์สิ่งที่เราสนใจในชีวิตร่วมกัน เช่น เราอาจนั่งคุยเรื่องดนตรีด้วยกันทั้งวัน หรือค้นหาดนตรีแนวใหม่ๆ มาฟัง ก็นับเป็นเรื่องที่น่าสนุกและทำให้เรามีอะไรมานั่งคุยกันทุกวัน แต่นั่นไม่ใช่การเตรียมตัวมาล่วงหน้าเหมือนจะเข้าไปพรีเซนต์งานหน้าห้องนะ แต่เรากำลังหมายถึงสิ่งที่เราสนใจจริงๆ หรือให้ความสนใจจริงๆ จะเป็นสิ่งที่ทำให้ตัวคุณมีความน่าสนใจไปโดยธรรมชาติ เช่น หากคุณและเขาเป็นคนชอบฟังเพลงจริงๆ อย่างจริงจัง เวลาที่คุณเจออะไรที่น่าสนใจ หรือคิดว่าอยากแชร์ มันจะทำออกมาโดยอัตโนมัติทันที

 

แต่ถ้าหากคุณรู้สึกฝืนใจเพื่อที่จะได้อยู่กับเขา หรือฝืนที่จะคุยเรื่องเดียวกับเขา โดยที่คุณไม่ได้อินหรือชอบอะไรที่เหมือนกับเขา ลองปรับตัวเข้าหากันหรือพยายามก้าวเข้าไปในโลกของอีกฝ่ายดู อาจได้ไอเดียใหม่ๆ กลับไป แต่ถ้าคุณไม่สามารถมากพอที่จะปรับตัว ก็ถอยออกมาดีกว่า อย่าเสียเวลา

 

ฉะนั้น จะดีกว่าหรือเปล่า หากคุณได้เริ่มต้นสนทนากับใครสักคนจากสิ่งที่เขาสนใจจริงๆ ซึ่งในปัจจุบันก็มีตัวช่วยอย่างแอปพลิเคชันประเภท Social Discovery ที่คุณสามารถเติมเรื่องราวเกี่ยวกับตัวคุณเองลงไปในส่วนของ Bio (ประวัติโดยย่อ) นอกเหนือจากชื่อหรืออายุ ซึ่งคุณอาจลองใส่ความสนใจส่วนตัว เช่น

 

  • ชอบออกกำลังกาย ก็ลองใส่รูปที่คุณไปงานวิ่งฮาล์ฟมาราธอนล่าสุดดูสิ
  • ไม่อย่างนั้นก็ลองหาโควตจากหนังหรือเนื้อเพลงสักท่อน เพื่ออธิบายตัวเอง หรือความชอบของตัวเองให้อีกฝ่ายได้รู้ อาจเลือกเป็น Genre ของแต่ละอย่างก็ได้ เช่น เราชอบฟังเพลงป๊อป เราชอบอเดล หรืออะไรก็ว่าไป
  • ลองนึกดูว่าอะไรที่ทำให้คุณมีความสุข เช่น การได้ออกเดินทางไปในที่ใหม่ๆ การได้กินของอร่อย การได้เดินงานศิลปะ ล้วนอธิบายตัวคุณได้หมดเลย
  • หรือถ้ารู้สึกว่ายากนัก ก็โพล่งออกไปตรงๆ เลยว่า คุณต้องการหรือกำลังมองหาอะไรอยู่ เช่น มองหา LTR หรือ Long-Term Relationship 

 

บางคนอาจรู้สึกต่อต้านว่า การใช้แอปพลิเคชันเหล่านี้ไม่ได้ต่างอะไรกับการหาคู่นอนหรือเซ็กซ์ ซึ่งเราปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่ามันก็มีส่วน แต่ท้ายที่สุดแล้วมันอยู่ที่คุณว่าจะใช้เพื่อจุดประสงค์อะไรต่างหาก มาสร้างความชัดเจนและเริ่มต้นที่ตัวคุณเองดีกว่า เช่นกัน คุณเองต้องสร้างความชัดเจนให้กับคนที่คุณอยากเริ่มต้นบทสนทนาด้วยว่า คุณกำลังมองหาอะไรอยู่ 

 

ทุกๆ เรื่องของความสัมพันธ์ต่างก็มีคำตอบปลายทางที่ไม่ได้เป็นคำตอบสำเร็จรูปเพียงรสชาติเดียว เพราะท้ายที่สุดแล้ว ไม่ใช่ว่าคุณจะมีความชอบเหมือนกัน แล้วจะสามารถอยู่ร่วมกันได้ หรือคุณจะมีความชอบที่ไม่เหมือนกัน แล้วจะอยู่ด้วยกันไม่ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นมันเป็นเรื่องที่คุณต้องรับรู้ได้ด้วยตัวเอง และเราอยากบอกคุณเรื่องหนึ่งว่า…

 

เราต่างมีความน่าสนใจในตัวเองด้วยกันทั้งนั้น อย่าปิดกั้นตัวเอง ลองเดินทางสู่โลกใหม่ๆ และออกไป #FINDYOURMATCH ดูสิ

 

อ่านเรื่อง First Impression ในยุคออนไลน์ เราจะสร้างความประทับใจให้คู่สนทนาอย่างไรตั้งแต่โปรไฟล์ถึงข้อความแรก ได้ที่นี่

 

 

ภาพ: Netflix และ Shutterstock

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล 

อ้างอิง:

FYI

love on pop

 

LOVE ON POP คอลัมน์ที่จะพาผู้อ่านไปสำรวจพฤติกรรม ความคิด และทัศนคติที่แอบซ่อนอยู่ในเรื่องราวความรักและความสัมพันธ์ในโลกสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นหนัง เพลง กระแสสังคม หรืออะไรก็ตามแต่ เพื่อส่งต่อ ชวนคุย ชวนถกถึงความรู้สึกใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นได้ในทุกวัน

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories