วันนี้ (12 พฤศจิกายน) ที่ทำเนียบรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีความขัดแย้งระหว่างกรมที่ดินกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เรื่องการเพิกถอนสิทธิที่ดินเขากระโดงจะกลายเป็นรอยร้าวระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่
อนุทินระบุว่า ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเอง เรื่องเขากระโดงขอย้ำอีกครั้งว่าเป็นไปตามกฎหมาย และเป็นความระหว่างกรมที่ดินกับ รฟท. และในบางกรณีก็เป็นเรื่องของผู้ครอบครอง ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ซึ่งหากเอาการเมืองเข้ามาเกี่ยวเดี๋ยวจะยุ่ง จะเห็นได้จากฝ่ายการเมืองที่พยายามไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว ไม่มีการสั่งการหรือข้อสั่งการ รวมไปถึงไม่มีความจำเป็นที่ฝ่ายราชการจะต้องมารายงานเป็นประจำ ทุกอย่างมีขั้นตอน
ส่วนกรณีที่ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้ รฟท. ทำหนังสือคัดค้านกรมที่ดิน และขอให้ศาลปกครองสั่งบังคับการทำงานตามคำสั่งศาล อนุทินกล่าวว่า ที่ทำมาทั้งหมดนี้ก็ทำตามคำสั่งศาลปกครองตั้งแต่ก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะเข้ามา พร้อมระบุว่า ที่ตอบไม่ได้เต็มที่เนื่องจากหากเข้าไปถามรายละเอียดก็จะมองว่าไปกดดัน
ส่วนที่มองว่าการเพิกถอนสิทธิเป็นเรื่องยากเพราะมีผู้คนในพื้นที่หรือไม่ อนุทินกล่าวว่า ไม่มีหรอก เรื่องนี้มีมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว และที่บอกว่าจะมีการช่วยเหลือกัน คำพิพากษาศาลฎีกาก็ออกมาตั้งแต่ปี 2560 ยังเป็นรัฐบาล คสช. แบบ 100% เมื่อตั้งคณะกรรมการตามมาตรา 61 ก็มีการเชื่อมโยงข้าราชการกับบ้านใหญ่
“แต่สาระสำคัญคือคณะกรรมการตั้งขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม 2566 ผมอยู่กระทรวงสาธารณสุข ตอนนั้น พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แล้วผมจะไปมีอิทธิพลอะไรเหนือ พล.อ. อนุพงษ์ เป็นไปไม่ได้ ถ้าเอาการเมืองเข้ามายุ่งมันจะวุ่นวายแบบนี้ บ้างก็บอกว่าผมพูดไม่ตรงกับคุณสุริยะ คุณสุริยะอยู่ฝั่งคมนาคมก็ต้องบอกว่า รฟท. เสียที่ดินไม่ได้ สิ่งที่ท่านพูดถูกต้อง 100% เหมือนผมไปเกาะกูดก็บอกว่าเสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียวไม่ได้ ส่วนมหาดไทยอำนาจทั้งหมดจบที่กรมที่ดิน ถามว่าจะสั่งให้อธิบดีทำในสิ่งที่ผิด ใครจะไปทำ เหลืออีก 1-2 ปี ท่านคงไม่ทำหรอก คำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีเหตุไม่มีผล” อนุทินกล่าว
อนุทินกล่าวต่อไปว่า ตนเองจะกำชับเวลาประชุมข้าราชการระดับสูงว่าไม่ต้องทำตาม เพราะเราอาจจะสั่งอะไรไปโดยที่ไม่รู้ หากมีสิ่งที่ผิดกฎระเบียบ ข้าราชการก็มีสิทธิที่จะปฏิเสธได้
เมื่อสื่อมวลชนถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เกมการเมืองที่พรรคเพื่อไทยมาเอาคืนพรรคภูมิใจไทย เพราะก่อนหน้านี้ก็มีหลายอย่างที่ขัดแย้งกัน อนุทินกล่าวว่า วุฒิภาวะระดับนี้เอาคืนกันไม่มีประโยชน์อะไร ต้องไม่ผูกกับการเมือง ทุกคนทำตามหน้าที่ ถ้าเกี่ยวข้องกับการเมืองตนเองต้องลงไปสั่งแล้ว ไปเช็กได้เลยว่าไม่มี
หวั่นทำลายบรรยากาศพรรคร่วม
ด้าน ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีดังกล่าวเช่นกันว่าจะเป็นชนวนความระหองระแหงระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ โดยระบุว่า ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ทุกเรื่องเป็นไปตามกฎหมาย ต้องดูรายละเอียด เนื่องจากยังไม่รู้รายละเอียดทั้งหมด ไม่ว่าความเป็นจริงหรือทางกฎหมายจะเป็นอย่างไรก็ต้องว่าไปตามนั้น เราไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงอะไรนอกเหนือจากนั้นได้
ส่วน พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ระบุว่า เรื่องนี้ตนเองเคยอภิปรายในสภาไปแล้ว ขณะนี้อยากรักษาบรรยากาศของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งทราบว่าเรื่องอยู่ในกระบวนการ ยังไม่เสร็จสิ้น อีกทั้งที่ดินดังกล่าวอยู่ในความรับผิดชอบของสุริยะ จึงอยากให้สอบถามสุริยะ เพราะห่วงว่าหากพูดไปเกรงจะหยิบบางประเด็นที่นำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมือง แต่ก็ทราบว่าประชาชนห่วงใยเรื่องดังกล่าว ทั้งนี้ ประเด็นข้อกฎหมายกระบวนการยังไม่จบ เชื่อว่าทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย
พ.ต.อ. ทวี ยังกล่าวว่า กระบวนการตามมาตรา 61 ยังไม่จบ เมื่อมีคณะกรรมการซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ระดับซี 9 ไม่ใช่ระดับอธิบดี ก็ต้องไปที่กระทรวงคมนาคม ซึ่งก็มีสิทธิโต้แย้ง ขณะนี้ถือว่าอยู่ในกระบวนการ และเรื่องทั้งหมดใครจะไปเอาข้อเท็จจริงเพิ่มเติมไม่ได้แล้ว เพราะมีคำวินิจฉัยจากศาลไปแล้ว อีกทั้งไม่ใช่ที่ดินเล็กๆ โดยสองข้างทางรถไฟมีพื้นที่กว้างฝั่งละ 1 กิโลเมตร ยาว 8 กิโลเมตร ซึ่งศาลมีคำวินิจฉัยไว้แล้ว ตนก็ไม่ได้ว่าใคร ถือเป็นเรื่องของกระทรวงคมนาคม ซึ่งสุริยะก็เพิ่งมาใหม่คงต้องเข้าไปดู
กรมที่ดินยืนกรานทำตามกฎหมาย
ขณะที่ พรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน ยืนยันว่า ทุกอย่างดำเนินการไปตามที่ศาลปกครองสั่ง และในเรื่องการเพิกถอนต้องมีคณะกรรมการในการดำเนินการเพิกถอนตามมาตรา 61 โดยที่ผ่านมาตั้งคณะกรรมการเรียบร้อยแล้ว ส่วนการรังวัดจากที่ได้รับรายงานจากคณะกรรมการ ทำตามกระบวนการขั้นตอนเรียบร้อยหมดทุกอย่าง
พรพจน์กล่าวต่อไปว่า การแถลงข่าวตอนแรกอาจจะไม่ได้พูดถึงเรื่องรังวัด แต่อยู่ในรายงานของคณะกรรมการชุดดังกล่าวแล้ว ช่วงวันที่ 2-26 กรกฎาคม 2567 เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างกรมที่ดินในพื้นที่และ รฟท. และตอนนี้กรมที่ดินออกข่าวชี้แจงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ทำตามหลักกฎหมาย ไม่มีอะไรที่ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมาย เป็นไปตามคำสั่งของศาลทุกประการบนข้อเท็จจริงที่เกิดตามหน้างานจริง” พรพจน์ระบุ
ส่วนที่กระทรวงคมนาคมมีท่าทีดังกล่าวกรมที่ดินจะต้องชี้แจงหรือไม่ พรพจน์กล่าวว่า คงไม่ เพราะทุกอย่างที่ทำมาก็รายงานต่อศาลปกครอง ตามคำสั่งของศาล โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล พร้อมย้ำว่าคงเป็นข้อเท็จจริง ไม่ต้องมาต่อสู้อะไรกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวานนี้ (11 พฤศจิกายน) สุริยะเปิดเผยว่า มอบหมายให้ รฟท. ยื่นหนังสือคัดค้านหนังสือของอธิบดีกรมที่ดิน พร้อมระบุว่า หากเป็นที่ดินของ รฟท. แม้กระทั่งตารางวาเดียวก็จะเสียไปไม่ได้