เมื่อวานนี้ (13 ส.ค.) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประชุมร่วมกับ ประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ หารือความร่วมมือการปลูกพืชกัญชาส่งผลิตเป็นตำรับยาตามกฎหมาย รวมทั้งการวิจัยและพัฒนาสายพันธ์ุกัญชา โดยกล่าวว่า ในวันนี้ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติได้มาหารือใน 3 ประเด็น คือ
1. ขั้นตอนการขออนุญาตให้เอื้อต่อภาคเกษตรกรที่ต้องมีการลงทุนเอง ทั้งในเรื่องโรงเรือนปลูก รั้วกั้นขอบเขต การเก็บรักษา
2. การวิจัย พัฒนา ไม่ถูกปิดกั้นด้วยข้อกฎหมาย ซึ่งขณะนี้สามารถทำโครงการวิจัยโดยขออนุญาตได้ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา
3. เสรีกัญชาทางการแพทย์ที่ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนเรื่องการใช้และการครอบครอง
ทั้งนี้ กรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้มีบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับสภาเกษตรกรแห่งชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ฯ สกลนคร มีแหล่งปลูกกระจายทั้ง 4 ภูมิภาค ดังนี้ 1. ภาคเหนือ โดยสำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ จังหวัดลำปาง ส่งมอบให้โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชเด่นชัย จังหวัดแพร่ และโรงพยาบาลป่าซาง จังหวัดลำพูน 2. ภาคอีสาน โดยสำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ จังหวัดบุรีรัมย์ ส่งมอบให้โรงพยาบาลคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดสกลนคร ส่งมอบให้โรงพยาบาลพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร จังหวัดสกลนคร 3. ภาคกลาง โดยสำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ จังหวัดกาญจนบุรี ส่งมอบให้โรงพยาบาลดอนตูม จังหวัดนครปฐม ศูนย์พันธุกรรมวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ส่งกรมแพทย์แผนไทยฯ 4. ภาคใต้ สำนักงานสภาเกษตรกรแห่งชาติ จังหวัดสุราษฎร์ธานี ส่งมอบให้โรงพยาบาลท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยขณะนี้ผ่านความเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการฯ ควบคุมยาเสพติดให้โทษ ซึ่งได้เสนอเข้าคณะกรรมการยาเสพติด เมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา
“กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการปลดล็อกในข้อกฎหมายที่อยู่ในการดูแลของกระทรวง เพื่อให้นำมาใช้ประโยชน์ในด้านการรักษา หากได้ผลดีก็จะพัฒนาและต่อยอดเพื่อใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ ทั้งนี้ จะไม่ให้กระทบต่อสุขภาพของผู้ใช้ เนื่องจากกัญชามีทั้งคุณและโทษ ต้องอยู่ภายใต้การควบคุม ซึ่งไม่อยากเห็นภาพคนในประเทศเรานำกัญชาไปใช้ในทางที่ผิด หรือนำกัญชาไปต่างประเทศแล้วโดนจับ” อนุทินกล่าว
ขณะเดียวกัน นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะกรรมการยาเสพติดให้โทษว่า ในที่ประชุมได้พิจารณานำกัญชามาใช้เสรีทางการแพทย์ เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจในคุณภาพและมาตรฐาน ในเรื่องโรงงานที่ผลิต การปลูก และการนำไปใช้กับผู้ป่วยเหมาะสมกับอาการเจ็บป่วย และที่ประชุมยังได้รับรองตำรับหมอพื้นบ้าน 2 ท่าน คือ ตำรับจอดกระดูกของ นาด ศรีหาตา หมอพื้นบ้านจังหวัดกาฬสินธุ์ และตำรับน้ำมันกัญชาของ เดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ
อย่างไรก็ตาม นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ในวันนี้ที่ประชุมได้อนุญาตการปลูกกัญชาเพิ่มอีก 3 แห่ง คือ 1. โรงพยาบาลอภัยภูเบศร ในกัญชาที่มีซีบีดีสูง 2. โรงพยาบาลคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ และ 3. แพทย์แผนไทยร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ด้านกัญชงจะคลายล็อกให้กัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจและมีมูลค่าเพิ่ม ให้สามารถนำกัญชงที่มีทีเอชซีอยู่ในผลิตภัณฑ์น้อยกว่า 0.2 สามารถนำมาใช้ในอุตสาหกรรม การผลิตอาหาร การผลิตเครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้เพิ่มขึ้น ทั้งหมดนี้เป็นการเห็นชอบในหลักการเท่านั้น
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล