×

ปปง. สั่งโบรกอายัดทรัพย์สิน 34 รายการ กรณีทำผิดหุ้น MORE ด้าน ตลท. รุดส่งข้อมูลซื้อเทรดย้อนหลังให้ ก.ล.ต. ตรวจสอบในข้อข่าย ‘ปั่นหุ้น’

21.11.2022
  • LOADING...

ตลาดหลักทรัพย์ฯ ระบุ สำนักงาน ปปง. มีคำสั่งให้บริษัทหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องและได้รับความเสียหายจากกรณีหุ้น บมจ.มอร์ รีเทิร์น หรือ MORE อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการทำผิดเกิดขึ้นรวมจำนวน 34 รายการ ไม่เกิน 90 วัน ยืนยันส่งข้อมูลซื้อ-ขายย้อนหลังให้ ก.ล.ต. ตรวจสอบเข้าข่ายสงสัยปั่นหุ้นครบแล้ว ปลด SP หุ้น MORE วันแรก ราคาดิ่งฟลอร์ทันทีที่ 0.96 บาท 

 

ภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า เช้าวันนี้ (21 พฤศจิกายน) ตลท. ได้รับแจ้งจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ว่า ได้มีคำสั่งให้ บล. ที่เกี่ยวข้องและได้รับความเสียหายจากกรณีหุ้น บมจ.มอร์ รีเทิร์น (MORE) ดำเนินการอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับกรณีที่มีการกระทำผิดเกิดขึ้นรวมจำนวน 34 รายการ พร้อมดอกผลไว้ชั่วคราว โดยมีระยะเวลาภายในไม่เกิน 90 วันนับจากวันที่มีคำสั่งออกไปในวันนี้ ไปยังบริษัทหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ขอให้ไปขอข้อมูลเพิ่มเติมที่ ปปง.


ข่าวที่เกี่ยวข้อง​:


สำหรับข้อมูลหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการซื้อ-ขายที่มีความผิดปกติของหุ้น MORE ทั้งหมด ตลท. กับโบรกเกอร์ ได้รวบรวมและส่งไปยังตำรวจเรียบร้อยตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

 

“เราพอใจกับความสำเร็จในการทำงานช่วง 5 วันที่เราทำมา อย่างน้อยข้อมูลที่เกี่ยวกับหุ้น MORE ที่รวบรวมส่งไปให้ตำรวจมีครบถ้วนตามที่เราต้องการ และข้อมูลดังกล่าวที่เรามีได้ส่งให้หน่วยงานผู้กำกับดูแลที่เกี่ยวข้องแล้วด้วย”

 

ยันส่งข้อมูลทั้งหมดให้ ก.ล.ต. แล้ว

ส่วนกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีการขอมูลย้อนหลังของการซื้อ-ขายของหุ้น MORE ในช่วงก่อนวันที่ 10-11 พฤศจิกายน ที่การซื้อ-ขายมีความผิดปกติ ซึ่งมีข้อสงสัยได้ว่าอาจกระทำความผิดเข้าข่ายเกี่ยวกับสร้างราคาหุ้น (ปั่นหุ้น) นั้น ตลท. ยืนยันว่าได้ส่งข้อมูลการซื้อ-ขายของหุ้น MORE ครบถ้วนทั้งหมดไปให้ยังสำนักงาน ก.ล.ต. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งข้อมูลการซื้อ-ขายดังกล่าวนี้ยังเป็นข้อมูลชุดเดียวกับที่ ตลท. มี ซึ่งสำนักงาน ก.ล.ต. สามารถเข้าถึงและดึงข้อมูลมาตรวจสอบได้เองด้วย

 

“ตลท. กับ ก.ล.ต. มีการปรึกษาหารือเรื่องนี้ร่วมกันมาโดยตลอด ข้อมูลใดๆ ก็ตามที่เราใช้ส่งให้ตำรวจก็ได้ส่งให้ ก.ล.ต. ด้วย ยิ่งไปกว่านั้นฐานข้อมูลที่ ตลท. มี ก็เป็นฐานข้อมูลเดียวกับที่ ก.ล.ต. มี สามารถดูข้อมูลเรื่องการซื้อ-ขายได้ด้วย”

 

สำหรับการดำเนินการเกี่ยวกับหุ้น MORE จะประกอบด้วย 2 เรื่องหลัก คือ 

 

  1. การดำเนินฟ้องร้องเรื่องการฉ้อโกง 
  2. การฟ้องร้องดำเนินคดีในเรื่องการสร้างราคาหรือปั่นหุ้น 

 

โดยผู้ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการทั้งสองเรื่องดังกล่าวนี้อยู่ระหว่างการทำงานร่วมกับ ตลท. 

 

ยังไม่เปิดเผยความเสียหายทั้งหมด

ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับกรณีปัญหาของหุ้น MORE ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะต้องรอติดตามการซื้อ-ขายหลังจากที่ปลด SP ให้หุ้น MORE กลับมาซื้อ-ขายได้ รวมถึงติดตามผลการดำเนินการเกี่ยวกับหุ้น MORE ในส่วนของตำรวจและ ปปง. ว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป คาดว่าจะทราบผลเร็วๆ นี้

 

วันนี้ (21 พฤศจิกยน) ตลท. ประกาศเริ่มปลดเครื่องหมายพักการซื้อ-ขาย หรือ SP กับหุ้น MORE เป็นวันแรก ส่งผลให้หุ้นของ MORE สามารถกลับมาซื้อ-ขายได้ตามปกติ

 

หลังจากที่ขึ้น SP หุ้น MORE มาเป็นระยะเวลา 5 วัน ตลท. ได้ดำเนินการในเรื่องที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วนตามที่ต้องการแล้ว โดยหลังประเมินผลกระทบของการปลด SP หุ้น MORE จึงมีความมั่นใจว่าจะไม่มีผลกระทบต่อระบบการซื้อ-ขายโดยรวมของ ตลท. 

 

อีกทั้งไม่มีผลกระทบต่อสถานะเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิ (NCR) ของบริษัทหลักทรัพย์ โดยเชื่อว่าจะสามารถรองรับสถานการณ์ได้แม้เกิดกรณีรุนแรงที่สุด (Worst Case) ที่ราคาหุ้นของ MORE ปรับตัวลดลงทำจุดต่ำ (Floor) อย่างต่อเนื่องในแต่ละวัน

 

“หลังตลาดเปิดการซื้อวันนี้คงจะได้เห็นว่าสิ่งที่เราคาดไว้กับเตรียมการไว้เป็นอย่างไรบ้าง ตอนนี้เท่าที่ตรวจสอบไว้แล้วหลายเรื่องเกี่ยวกับหุ้น MORE ทั้งเรื่องจำนวนหุ้นที่จะซื้อ-ขาย หุ้นที่เป็นหลักประกันมีจำนวนเท่าไร รวมถึงผลกระทบหลังเปิดการซื้อ-ขายเป็นอย่างไร เราได้คำนวณและประเมินผลกระทบไว้แล้วหลังปลด SP หุ้น MORE จึงมั่นใจว่าจะไม่มีผลกระทบต่อภาพรวมการซื้อ-ขายและฐานะโบรกเกอร์”

 

นอกจากนี้ ตลท. อยู่ระหว่างดำเนินการ 2 เรื่อง เรื่องแรกคือ การประเมินร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์กับหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อพิจารณาปรับปรุงในกฎเกณฑ์ที่มีความจำเป็น เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นอีกในอนาคต 

 

ส่วนเรื่องที่ 2 เกี่ยวกับกฎเกณฑ์การดำเนินงานของบริษัทหลักทรัพย์​ ขณะนี้พบว่าบริษัทหลักทรัพย์มีความตื่นตัวในการหาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยประกาศรายชื่อหุ้นที่เห็นว่าต้องมีการปรับเปลี่ยนในการหุ้นวงเงินเครดิตในการซื้อหุ้นให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น

 

สมาคมโบรกเปิด 2 แนวทางพัฒนา

พิเชษฐ สิทธิอำนวย นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย กล่าวว่า ประเด็นกฎเกณฑ์ของบริษัทหลักทรัพย์มีแผนจะพัฒนาหลังจากนี้ 2 เรื่องหลัก เรื่องแรกคือ การพิจารณาวงเงินซื้อ-ขายหุ้นในแต่ละบริษัทให้กับลูกค้าที่จะมีความเข้มงวดขึ้น ซึ่งจะมาพิจารณาดูว่าควรเป็นอย่างไร

 

เรื่องที่ 2 การพิจารณาทำระบบกลางคล้ายกับระบบเครดิตบูโร เพื่อตรวจสอบข้อมูลของวงเงินซื้อ-ขายหุ้นของลูกค้าว่าโดยรวมลูกค้ารายนั้นๆ มีการขอวงเงินซื้อ-ขายจากโบรกเกอร์อื่นมาแล้วจำนวนเท่าใด เพื่อป้องกันปัญหาความเสี่ยงในกรณีมีการขอวงเงินซื้อ-ขายจำนวนมากจากโบรเกอร์อื่น แล้วจะมาขอวงเงินซื้อหุ้นเพิ่มอีกในโบรกเกอร์แห่งใหม่ แต่ยังไม่มีการกำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจนในทั้งสองเรื่องว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงใด

 

สำหรับกรณีการตรวจสอบรายชื่อนักลงทุนรายเดียวกันที่มีการเปิดบัญชีในโบรกเกอร์หลายๆ แห่งพร้อมกัน ปัจจุบันสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทยไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะรายชื่อของลูกค้าที่มาเปิดบัญชีซื้อ-ขายหุ้นถือเป็นความลับของแต่ละบริษัทหลักทรัพย์ 

 

สำหรับการดำเนินการเกี่ยวกับหุ้น MORE แบ่งเป็น 2 เรื่อง เรื่องแรกคือ เป็นการดำเนินฟ้องร้องเรื่องการฉ้อโกงที่มีบริษัทหลักทรัพย์เป็นผู้เสียหาย ส่วนเรื่องที่ 2 คือ การฟ้องร้องดำเนินคดีในเรื่องการสร้างราคาหรือปั่นหุ้น ซึ่งมี ก.ล.ต. เป็นผู้ดำเนินการ

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising