×

ราเมนแต่ละเมืองก็ต่างกันนะ! 8 ร้านราเมนประจำจังหวัดในญี่ปุ่น ที่คุณหากินได้ในกรุงเทพฯ

19.05.2021
  • LOADING...
ราเมนแต่ละเมืองก็ต่างกันนะ! 8 ร้านราเมนประจำจังหวัดในญี่ปุ่น ที่คุณหากินได้ในกรุงเทพฯ

 

1. Hokkaido Ramen Gantetsu (ฮอกไกโด)

‘มิโซะบัตเตอร์คอร์นราเมน’ จาก ‘ฮอกไกโด’ จุดเด่นของราเมนจากเกาะฮอกไกโดคือ ‘มิโซะ’ ดังนั้นราเมนที่ชาวเกาะฮอกไกโดนิยมกินกันนั้นก็เป็นอะไรไปไม่ได้เลยนอกจาก ‘มิโซะราเมน’ แต่ถ้าจะเป็นมิโซะราเมนธรรมดาก็อาจจะซ้ำกับภูมิภาคอื่นไปหน่อย มิโซะราเมนที่เกาะฮอกไกโดเลยมีการดัดแปลงเล็กน้อยด้วยการใส่ข้าวโพดผัดเนยลงไป แถมโปะด้วยเนยก้อนใหญ่ด้านบน เมื่อเนยละลายลงไปในน้ำซุปมิโซะแล้วจะทำให้น้ำซุปราเมนหอมหวานกลมกล่อมยิ่งขึ้น

 

Hokkaido Ramen Gantetsu เป็นร้านราเมนจากฮอกไกโดที่เสิร์ฟเมนูของดีฮอกไกโดที่หลากหลาย และคุณสามารถลองกินราเมนข้าวโพดได้ที่นี่แหละ Hokkaido Butter Corn Ramen (210 บาท) ของที่นี่นั้นใช้เส้นราเมนกลมหยิกสีเหลืองเข้ม น้ำซุปเป็นน้ำซุปมิโซะหอมกรุ่น ผสานกับความหอมมันและกรุบกรอบของข้าวโพดคลุกเนย ทำให้ราเมนชามนี้ยกระดับความหอมขึ้นไปอีก และเมื่อเนยก้อนที่โปะมาข้างบนละลายลงในน้ำซุปจนหมด คุณจะได้รสสัมผัสที่นุ่มนวลขึ้นมาก

 

Hokkaido Ramen Gantetsu

ที่อยู่: ซอยนราธิวาสราชนครินทร์ 1 ถนนสุรวงศ์ กรุงเทพฯ

เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน เวลา 11.00-22.00 น.

ข้อมูลเพิ่มเติม: www.facebook.com/hokkaidoramengantetsu/

 

 

2. Uchidaya Ramen (โยโกฮามา)

‘อิเอะเคราเมน’ จาก ‘โยโกฮามา’ ปกติแล้วราเมนพื้นฐานที่เรารู้จักกันก็จะมีทงคตสึราเมนที่เป็นราเมนซุปกระดูกหมูที่น้ำซุปหอมมันเข้มข้น และโชยุราเมนที่เป็นราเมนซีอิ๊วโชยุรสชาติเค็มแต่คอมฟอร์ต เมืองโยโกโฮมานั้นมีสูตรราเมนที่เป็นเอกลักษณ์จากการนำเอาจุดเด่นของราเมนทั้งสองมาผสมกันกลายเป็น ‘อิเอะเคราเมน’ ที่หอมกรุ่นจากซุปทงคตสึ และเค็มกลมกล่อมจากซุปโชยุ และอีกหนึ่งเอกลักษณ์ที่ไม่มีราเมนที่ไหนเหมือนคือ อิเอะเคราเมนจะใส่ผักปวยเล้งลงไปด้วย

 

ชามนี้คือ Uchidaya Tokusei Ramen (280 บาท) ความหอมมันเข้มข้นของซุปกระดูกหมูนั้นผสานกับความเค็มแบบคอมฟอร์ตจากซุปโชยุได้อย่างลงตัว เมื่อกินพร้อมกันทั้งเส้นอิเอะเคที่นุ่มหนึบ ชาชูหัวไหล่หมูมันแทรกกำลังดี ไข่ต้มยางมะตูม ผักปวยเล้ง และสาหร่าย ทำให้ราเมนชามนี้รสชาติกลมกล่อมยิ่งขึ้นไปอีก

 

Uchidaya Ramen

ที่อยู่: ซอยธนิยะ สีลม กรุงเทพฯ

เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน เวลา 11.00-22.00 น.

ข้อมูลเพิ่มเติม: www.facebook.com/uchidayaramen/

 

3. Fujiyama 55 (นาโกย่า)

‘มาเซโซบะ’ จาก ‘นาโกย่า’ เมืองนาโกย่าจะมีราเมนที่แปลกออกไปสักหน่อย และไม่ได้ใช้ชื่อว่าราเมน แต่กลับใช้ชื่อว่า โซบะ แทน แต่หน้าตาก็ยังคงเป็นเมนูอาหารเส้นคล้ายคลึงกันอยู่ดี มาเซโซบะมีจุดเด่นตรงที่จะเสิร์ฟแบบแห้งหรือน้ำขลุกขลิกจนเกือบแห้ง ในชามจะเต็มไปด้วยเครื่องนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นหมูสับรสเผ็ด ถั่วงอก ต้นหอม กระเทียม สาหร่าย และมีไข่แดงอยู่ตรงกลาง ก่อนกินจะต้องคนคลุกเคล้ากันให้ทั่วถึง รสชาติจะเข้มข้นมากยิ่งขึ้น เพราะคำว่า ‘มาเซ’ แปลว่าการคนคลุกเคล้านั่นเอง

 

สำหรับมาเซโซบะที่โด่งดังในไทยก็เป็นร้านไหนไปไม่ได้นอกจาก ‘Fujiyama 55’ ร้านราเมนจากนาโกย่าที่โดดเด่นเรื่องของ ทสึเคเมน รสชาติเข้มข้น เส้นสดที่ทำจากแป้งสาลีที่มีโปรตีน และมาเซโซบะอย่าง Umakara Mazesoba (220 บาท) ชามนี้เป็นทสึเคเมนแบบแห้งที่อัดแน่นไปด้วยเครื่องอย่างหมูสับรสเผ็ด ถั่วงอก สาหร่าย และอีกมากมาย แต่ไฮไลต์คือไข่แดงสดที่อยู่ตรงกลาง เมื่อคลุกเคล้าให้เข้ากับเส้นแล้วจะได้มาเซโซบะรสชาติเข้มข้น

 

Fujiyama 55

ที่อยู่: ตึก Bio House ชั้น 1 ซอยสุขุมวิท 39 กรุงเทพฯ

เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน เวลา 11.00-23.00 น.

ข้อมูลเพิ่มเติม: www.facebook.com/fujiyamagogo

 

 

4. Shugetsu Ramen (เอฮิเมะ)

ราเมนแบบจุ่มส่งตรงจากจังหวัดเอฮิเมะ เมืองมัตสึยามะ แห่งนี้มีดีที่น้ำซุปโชยุสูตรเฉพาะที่ทางร้านใช้โชยุหมักจากถั่วเหลืองแบบออร์แกนิกในถังไม้นานถึง 18 เดือน จากแบรนด์ Kazita แบรนด์โชยุเก่าแก่ของเอฮิเมะที่มีอายุกว่า 140 ปี ความพิถีพิถันในการเลือกวัตถุดิบจากธรรมชาติ ไม่ใส่ผงชูรส และผสมสารเคมีใดๆ และหัวใจสำคัญของ Shugetsu Ramen ร้านราเมนต้นตำรับจากเอฮิเมะแห่งนี้ ยังอยู่ที่การใช้แป้งญี่ปุ่นคุณภาพ 3 ชนิด เพื่อมาทำเส้นทสึเคเมนและราเมนแบบสดใหม่ทุกวัน ที่ร้านจะมีห้องทำเส้นให้ได้เห็นวิธีการนวดบดผสมแป้งทำเส้นกันด้วย

 

เมนูไฮไลต์ของที่นี่คือ ชูเก็ทสึ ทสึเคเมน กับหมูชาชูย่างถ่าน (225 บาท) เส้นทสึเคเมนกลมหนาถูกลวกมาแบบไม่สุกจนเกินไป เคี้ยวแล้วได้เทกซ์เจอร์ความหนึบของแป้งแบบเต็มคำ ชุบลงไปในทสึเคเมน ‘ซุปโชยุปลาแห้ง-โฮตาเตะ’ ผงปลาแห้งส่งตรงจากจังหวัดคางาวะและเกาะคิวชู และน้ำมันจากหอยเชลล์ที่ถูกเคี่ยวเป็นเวลา 12 ชั่วโมง เพื่อสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้ทสึเคเมนชามนี้มีน้ำซุปที่ใสกว่าที่อื่น แต่รสชาติเปรี้ยวเค็มกลมกล่อมและหอมปลาแห้ง พระเอกของชามนี้คือหมูชาชูชิ้นหนาแทรกมันย่างบนเตาถ่านแบบชามต่อชามตามสไตล์ กลิ่นหอมๆ เนื้อนุ่มๆ เข้ากับทั้งน้ำซุปและเส้นทสึเคเมนเป็นอย่างดี

 

อีกเมนูที่เราได้ลองและอยากแนะนำก็คือ โชยุ ชาชูเมน (245 บาท) เป็นราเมนซุปโชยุจากแบรนด์ Kazita เจ้าเก่าแก่ของเอฮิเมะเจ้าเดิม นำมาผสมกับปลาแห้งและโฮตาเตะอันเป็นเอกลักษณ์ของชูเก็ทสึ ราเมน รสชาติกลมกล่อม เข้ากับเส้นราเมนสดและหมูชาชูย่างถ่านที่ให้มาแบบไม่อั้น

 

Shugetsu Ramen (มัตสึยามะ)

ที่อยู่: ชั้น 2 ในโครงการ The Terrace 49 สุขุมวิท 49

เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน เวลา 11:00-15:00 น. และ 17:15-22:00 น.

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.facebook.com/shugetsu.th 

 

 

5. Taishoken Ramen (โตเกียว)

ร้านทสึเคเมนสูตรต้นตำรับแห่งแรกในญี่ปุ่นนี้ถือกำเนิดที่กรุงโตเกียว ก่อตั้งโดยคุณยามากิชิ คาซูโอะ เทพเจ้าผู้ให้กำเนิดเมนูทสึเคเมนในประเทศญี่ปุ่นเลยทีเดียว ต่อมาได้ขยายออกไปทั่วโลกกว่า 100 สาขา และสาขาในประเทศไทยเพียงแห่งเดียวก็ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 อาคาร Fifty Fifth Thonglor นี่เอง

 

เมนูทสึเคเมนอันเลื่องชื่อของเขาก็คือ Rich Gyokai Tonkotsu Tsukemen หรือทสึเคเมนซุปกระดูกหมูเข้มข้นใส่ผงปลาแห้ง (260 บาท) น้ำซุปของที่นี่ได้จากการเคี่ยวกระดูกหมูและปลาทะเลนานถึง 2 วัน ที่ไม่ว่ามาทานกี่ครั้งก็ได้ความรู้สึกเหมือนได้ทานทสึเคเมนที่ถูกคิดค้นชามแรกที่โตเกียวอยู่เสมอ เพื่อให้ได้หน้าตาของซุปทสึเคเมนชามนี้มีสีที่เข้มมากและเนื้อข้นแบบสุดๆ เมื่อนำเส้นทสึเคเมนเส้นเหลี่ยมหนาไปจุ่มกับน้ำซุปข้นๆ นี้แล้ว ทุกอย่างกลมกล่อมเข้ากันดีมาก ตัวเส้นมีความนุ่มหนึบ ตัวซุปมีกลิ่นหอมปลาแห้งที่ค่อนข้างชัด พร้อมเนื้อติดกระดูกหมูชิ้นเล็กๆ ที่ผสมมาในน้ำซุปให้ได้เซอร์ไพรส์เวลาเคี้ยว ทำให้เมนูนี้โดดเด่นไม่เหมือนที่อื่น หมูชาชูชิ้นใหญ่ย่างไฟมาแบบหอมกรุ่น และเซ็ตนี้เสิร์ฟมาพร้อมกับน้ำซุปดาชิ เป็นซุปใสที่เอาไว้เทผสมเจือจางความเข้มข้นของน้ำซุปหลักอีกทีสำหรับใครที่ต้องการรสชาติที่อ่อนลงมาหน่อย 

 

Taishoken Ramen 

ที่อยู่: ชั้น 1 ในโครงการ Fifty Fifth Thonglor

เวลาเปิด-ปิด: ทุกวัน เวลา 10:00-22:00 น.

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.facebook.com/taishokenramen 

 

 

6. Bishamon (ซัปโปโร)

มิโซะราเมนต้นตำรับจากซัปโปโรที่ความเข้มข้นรสจัดค่อนไปทางรสเค็มของน้ำซุปครองใจชาวสุขุมวิทมาอย่างยาวนาน นอกจากมิโซะราเมนแบบซัปโปโรแล้ว ยังมีโชยุราเมน และทงคตสึเสิร์ฟด้วย

 

ขึ้นชื่อว่าเป็นมิโซะราเมนจากซัปโปโรขนาดนี้ต้องไม่พลาดสั่ง Sapporo Miso Ramen เป็นราเมนมิโสะแบบซัปโปโรแท้ (ราคาเริ่มต้น 180 บาท) ที่ใช้ราเมนเส้นสดมีความหยัก และซุปมิโซะรสชาติเข้มข้นมากและไม่มันจนเกินไป ท็อปเครื่องอย่างต้นหอมญี่ปุ่นซอย ข้าวโพด และสาหร่ายวากาเมะ ตามมาตรฐานของราเมนซัปโปโร มาแบบแน่นๆ ให้รสชาติของเมนูนี้กลมกล่อมขึ้นพร้อมหมูชาชูมันน้อยเนื้อแน่นชิ้นสี่เหลี่ยม เราสั่งท็อปปิ้งเพิ่มเป็นหมูชาชูอีก 2 ชนิด (ราคา 60 บาท) เป็นหมูชาชูแบบกลมย่างที่เราคุ้นเคยกันดี และหมูชาชูชิ้นสี่เหลี่ยมบางแต่ชั้นมันหนา ย่างและโรยเกลือมาให้เสร็จสรรพ หอม อร่อย ทานเปล่าหรือแกล้มกับราเมนก็เข้ากัน

 

ส่วน Spicy Miso Ramen (250 บาท) เป็นมิโซะราเมนรสเผ็ดที่ทางร้านปรับสูตรมาให้เข้ากับลิ้นคนไทย ความเผ็ดถือว่าใช้ได้เลย บวกกับน้ำซุปที่รสชาติเข้มข้นอยู่แล้วทำให้เป็นเมนูที่คนไทยที่ชอบอาหารรสชาติเผ็ดน่าจะทานง่ายง่ายขึ้น เพราะมีรสชาติที่หลากหลายกว่าราเมนสูตรต้นตำรับ และมีหมูสับท็อปด้านบน ช่วยให้น้ำซุปเข้มข้นขึ้นอีกด้วย 

 

Bishamon 

ที่อยู่: ตั้งอยู่ในสนามไดรฟ์กอล์ฟ 42 Tee-Off Driving Range

เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 11.30-14.00 น. และ 17.30-22.00 น., วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.30-22.00 น.

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.facebook.com/BishamonThailand 

 

7. Sendai Ramen Mokkori Silom (เซนได)

ราเมนน้ำซุปมิโซะเป็นราเมนที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองของเซนไดมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 โดยเฉพาะมิโซะราเมนรสเผ็ดที่ท็อปน้ำพริกญี่ปุ่นมาให้บนราเมนตามความชอบของลูกค้า

 

สำหรับคนที่อยากทดลองชิมราเมนจากเมืองเซนไดแท้ๆ ให้มาที่เซนได ราเมน มอคโคริ สีลม แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่เปิดมาแล้วกว่า 13 ปี การันตีความเป็นต้นตำรับโดยคุณโนริโอะ ซึซึกิ เชฟและเจ้าของร้านชาวญี่ปุ่นแท้ๆ ที่มีผลงานในวงการบันเทิงมากมาย เชื่อว่าใครที่เคยเข้ามานั่งทานที่ร้าน จะเห็นผลงานของเขาตกแต่งอยู่ที่ผนังร้านให้ดูเพลินๆ ระหว่างรอหรือทานอาหารด้วย

 

ได้มาทานราเมนเซนไดทั้งทีต้องลอง Miso Aburi Chashu Men (278 บาท) เส้นราเมนอวบอ้วนตามสไตล์เส้นราเมนของเซนไดนี้หอมกลิ่นไข่นิดๆ ชวนให้นึกถึงบะหมี่ไข่เหลืองที่เราคุ้นเคยอย่างดี ตัวเส้นเหนียวหนึบมาในซุปเต้าเจี้ยว ท็อปมาด้วยไข่ต้มยางมะตูม ต้นหอมซอย สาหร่าย หมูชาชูสูตรเฉพาะของที่ร้านชิ้นหนา เนื้อเปื่อยนุ่ม ย่างมาออกเกรียมนิดๆ หอมมันหมู และที่ขาดไม่ได้คือน้ำพริกญี่ปุ่นที่ท็อปมาเพิ่มรสชาติให้ราเมนชามนี้เข้มข้น กลมกล่อม หอม อร่อยถูกใจคนไทย 

 

Sendai Ramen Mokkori Silom

ที่อยู่: ซอยนราธิวาสราชนครินทร์ 1

เวลาเปิด-ปิด: วันอาทิตย์-ศุกร์ เวลา 11:00-14:30 น. และ 17:00-23:00 น. 

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.facebook.com/mokkorisilom  

 

 

8. Ramen Kourakuen (ฟุกุชิมะ)

ราเมน โคราคุเอ็น ถือกำเนิดตั้งแต่ปี 1954 ในจังหวัดฟุกุชิมะ ประเทศญี่ปุ่น และเป็นราเมนที่มีสาขามากที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดินทางมาถึงประเทศไทย ราเมน โคราคุเอ็น ก็มาเปิดที่เกตเวย์ เอกมัย เป็นสาขาแรก และนำเส้นราเมนสูตรต้นตำรับของทางร้านมาเสิร์ฟให้ชาวไทยได้ลิ้มลองความอร่อยของราเมนจากฟุกุชิมะแท้ๆ กัน

 

เมนูแนะนำที่อยากให้ลิ้มลองต้นตำรับราเมนฟุกุชิมะคือ Nitamago Cha-Shu-Men (219 บาท) ราเมนในน้ำซุปซอสถั่วเหลืองที่เสิร์ฟมาพร้อมเส้นราเมนเฉพาะตัว หมูชาชูที่ผ่านการหมักและต้มมาจนนุ่ม ละลายในปาก สไลด์แผ่นบางจนได้รสชาติน้ำซุปเคล้าทุกคำ แผ่มาเต็มชาม และไข่ต้มซอสปรุงรสชนิดที่ไม่เหมือนใคร เอกลักษณ์ของราเมนน้ำทุกชามก็คือรสชาติกลมกล่อมของน้ำซุปที่ไม่ซับซ้อน ได้รับรสชาติออริจินัลราเมน และความเยอะของน้ำซุปที่ให้มาซดจริงๆ แบบท่วมเส้น และเส้นราเมนที่ให้มาแบบไม่อั้น

 

Kourakuen Ramen

ที่อยู่: ชั้น M Gateway Ekamai 

เวลาเปิด-ปิด: วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 11:00-21:00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10:00-21:00 น. 

ข้อมูลเพิ่มเติม: https://www.facebook.com/RamenKourakuen 

 

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X