Jack Ma ผู้ก่อตั้ง Alibaba Group Holding ส่งสัญญาณเตือนครั้งใหม่ว่าปัญญาประดิษฐ์ (AI) จะเปลี่ยนแปลงโลกเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ จากเดิมที่เคยกล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่าจะใช้เวลา 20 ปี แต่ล่าสุดระบุว่าการเปลี่ยนแปลงอาจเกิดขึ้นในเพียง 10 ปีข้างหน้า สะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีที่อาจส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน โดยเฉพาะด้านการศึกษาที่ต้องเร่งปรับตัว
ในสุนทรพจน์ผ่านวิดีโอที่เผยแพร่บนบัญชีโซเชียลมีเดียของมูลนิธิที่ตั้งตามชื่อของเขา เนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปีของโครงการสนับสนุนครูในชนบท Ma อดีตครูที่ผันตัวมาเป็นมหาเศรษฐีวัย 60 ปี แสดงความกังวลถึงผลกระทบของ AI และการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรของจีนที่กำลังจะสร้างความท้าทายครั้งใหม่ให้กับระบบการศึกษาในพื้นที่ชนบททั่วประเทศ โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมให้นักเรียนรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะมาถึง
คำกล่าวนี้สอดคล้องกับสุนทรพจน์เมื่อเดือนที่แล้วในงานครบรอบ 20 ปีของ Ant Group ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีการเงิน ที่ Ma ระบุว่า “จากมุมมองในปัจจุบัน การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจาก AI ใน 20 ปีข้างหน้าจะเกินจินตนาการของทุกคน เพราะ AI จะนำมาซึ่งยุคที่ยิ่งใหญ่กว่า” สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของเขาต่อผลกระทบของเทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนแปลงโลกอย่างรวดเร็ว
Ma หันมาให้ความสำคัญกับภาคการศึกษาและการเกษตรหลังเกษียณ โดยเขารักษาโปรไฟล์ต่ำในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลังลงจากตำแหน่งบริหารทั้งหมดใน Alibaba บริษัทที่ตั้งอยู่ในเมืองหางโจว ซึ่งเขายังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุด แม้จะถอยห่างจากธุรกิจ แต่เขายังคงถูกมองว่าเป็นตัวแทนของภาคเศรษฐกิจเอกชนจีน และเป็นผู้นำทางความคิดที่มีอิทธิพลต่อการพัฒนาเทคโนโลยีและการศึกษาของประเทศ
ในการกล่าวสุนทรพจน์ทางวิดีโอต่อครูจำนวน 1,001 คนในแผ่นดินใหญ่ปี 2024 Ma ชี้ว่าการศึกษาในชนบทเปลี่ยนแปลงไปอย่าง ‘พลิกโฉม’ ในทศวรรษที่ผ่านมา “มีครูรุ่นใหม่เข้ามาร่วมอุดมการณ์มากขึ้น พวกเขาอาศัยอยู่ในพื้นที่ห่างไกล แต่ความคิดไม่ล้าหลัง และบางครั้งยังอยู่ในแนวหน้าของการปฏิรูปการศึกษา”
เขากล่าวชื่นชมครูรุ่นใหม่ที่กล้าคิดนอกกรอบและพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง
โครงการสนับสนุนครูชนบทของมูลนิธิ Jack Ma คัดเลือกครู 100 คนจากทั่วประเทศจีนทุกปี โดยแต่ละคนจะได้รับรางวัล 1 แสนหยวน (ประมาณ 4.7 แสนบาท)
ในปี 2025 มีครูสมัครเข้าร่วม 2,894 คน โดยผู้ที่ได้รับคัดเลือกมีอายุเฉลี่ย 39 ปี และ 98% มีวุฒิปริญญาตรีขึ้นไป สะท้อนให้เห็นถึงคุณภาพของบุคลากรทางการศึกษาในพื้นที่ห่างไกลที่เพิ่มสูงขึ้น
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา มูลนิธิได้รับใบสมัครประมาณ 70,000 คน เยี่ยมชมหมู่บ้านกว่า 1,500 แห่ง และสัมภาษณ์เกือบ 10,000 ครั้ง โดย 97.5% ของครูที่ได้รับคัดเลือกยังคงสอนอยู่ในพื้นที่ชนบท สะท้อนความสำเร็จของโครงการในการสร้างแรงจูงใจให้ครูที่มีความสามารถยังคงทำงานในพื้นที่ห่างไกล
นอกจากนี้ มูลนิธิยังมีโครงการสนับสนุนครูใหญ่ในชนบท โดยคัดเลือกครูใหญ่ 20 คนต่อปี แต่ละคนจะได้รับเงิน 5 แสนหยวน (ประมาณ 2.36 ล้านบาท) เพื่อพัฒนาทักษะด้านการเป็นผู้นำและการบริหารจัดการ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการยกระดับคุณภาพการศึกษาในชนบทอย่างเป็นระบบ
Ma ก่อตั้งมูลนิธิของเขาในเดือนธันวาคม 2014 โดยมุ่งเน้นด้านการศึกษา การประกอบการ ภาวะผู้นำของสตรี และการปกป้องสิ่งแวดล้อม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของเขาที่ต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงในระยะยาวผ่านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และสังคมอย่างยั่งยืน
การลงทุนในการศึกษาในชนบทของ Ma สะท้อนให้เห็นว่า แม้เทคโนโลยีจะก้าวหน้าเพียงใด แต่ ‘การพัฒนาคน’ ยังคงเป็นหัวใจสำคัญของการเตรียมพร้อมรับมือกับอนาคต โดยเฉพาะในยุคที่ AI กำลังจะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน การสร้างครูที่มีคุณภาพและวิสัยทัศน์ก้าวไกลจึงเป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาการศึกษาให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก
อ้างอิง: