×

AI ช่วยให้ทำงานได้ง่ายขึ้น หรือเขี่ยให้มนุษย์ตกงานโดยที่ไม่รู้ตัว พร้อมส่องผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกที่ไม่อาจมองข้าม

16.08.2023
  • LOADING...

การมาถึงของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ทำให้ผู้คนตื่นเต้นกับการวาดภาพอนาคตที่ล้ำยุค และนักวิชาการก็ดำดิ่งลงลึกถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น แต่เมื่อเร็วๆ นี้ ความเร็วที่ AI เติบโตขึ้นทำให้หลายคนประหลาดใจ ราวกับว่าคลื่นยักษ์ทางเทคโนโลยีที่เราเคยเห็นมาแต่ไกล จู่ๆ ก็มาถึงหน้าประตูบ้านและสร้างผลกระทบครั้งใหญ่

 

เมื่อเร็วๆ นี้ การศึกษาที่สำคัญจากยักษ์ใหญ่ทางการเงิน Goldman Sachs และบริษัทที่ปรึกษาระดับโลก McKinsey ได้แบ่งปันตัวเลขที่น่าตกใจ ไม่ว่าจะเป็นงานประมาณ 300 ล้านตำแหน่งทั่วโลกอาจได้รับผลกระทบจาก AI และยังมีชาวอเมริกันอย่างน้อย 12 ล้านคนจะต้องเปลี่ยนภาคงานภายในปี 2030

 

นี่ไม่ใช่ข่าวร้ายทั้งหมด เพราะคาดว่า AI จะเพิ่มมูลค่า 17-26 ล้านล้านดอลลาร์ให้กับเศรษฐกิจโลกในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า ซึ่งหมายความว่าแม้ว่างานบางอย่างจะหายไป งานใหม่ก็จะเกิดขึ้นเช่นกัน

 

การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น และอาจเป็นเรื่องยิ่งใหญ่พอๆ กับการปฏิวัติอุตสาหกรรมหรือการเปิดตัวอินเทอร์เน็ต ซึ่งนำเสนอมาตรฐานการครองชีพที่ดีขึ้นและโอกาสทางเศรษฐกิจที่รวดเร็ว แต่มีข้อแม้คือ หากรัฐบาล ธุรกิจ และพนักงานไม่ปรับตัวอย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงอาจเป็นเรื่องยาก

 

ย้อนมองอดีตเพื่อเป็นบทเรียนสำหรับอนาคต ประโยคนี้สามารถใช้กับเรื่อง AI ได้เป็นอย่างดี เพราะวันแรกที่อินเทอร์เน็ตได้รับการแนะนำให้โลกใบนี้รู้จัก หลายคนไม่เชื่อในศักยภาพว่าจะสามารถพลิกโฉมโลกได้

 

ในปี 1995 Newsweek อ้างว่าเราจะไม่ซื้อของหรือซื้อตั๋วเครื่องบินออนไลน์ 3 ปีต่อมา นักเศรษฐศาสตร์ Paul Krugman คิดว่าผลกระทบของอินเทอร์เน็ตจะน้อยมาก คล้ายกับผลกระทบของเครื่องแฟกซ์ เห็นได้ชัดว่าข้อสันนิษฐานแรกๆ เหล่านี้ประเมินผลกระทบต่ำเกินไป

 

แต่อย่างที่เรารู้ อินเทอร์เน็ตเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง ตอนนี้ AI อยู่ในวิถีการเติบโตที่คล้ายกันแถมยังเร็วกว่าด้วย เช่น ปี 2017 ผู้เชี่ยวชาญคิดว่าโมเดล AI ขั้นสูงอย่าง GPT-4 จะพร้อมใช้ภายในปี 2027 แต่ตอนนี้ก็เห็นได้ชัดว่าเราได้ใช้งานกันแล้ว

 

บริษัทใหญ่ๆ รวมถึง Amazon และ Microsoft กำลังนำเครื่องมือ AI มาใช้อย่างรวดเร็ว

 

World Economic Forum คาดการณ์ผลลัพธ์ที่หลากหลาย พวกเขาประเมินว่า AI จะนำไปสู่การสูญเสียงาน 83 ล้านตำแหน่งในอีก 5 ปีข้างหน้า แต่จะสร้างงานใหม่ 69 ล้านตำแหน่ง ซึ่งยังคงขาดอีก 14 ล้านตำแหน่งงานที่จะสูญหายไปตลอดกาล

 

ในอดีตระบบอัตโนมัติส่งผลกระทบต่อคนงานที่มีทักษะต่ำเป็นส่วนใหญ่ แต่ด้วย AI อาจส่งผลกระทบต่อคนงานที่มีการศึกษาและมีทักษะสูงเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นวิศวกรรมซอฟต์แวร์ การวิจัย การบัญชี และแม้กระทั่งการเขียน กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น 

 

อย่างไรก็ตาม การเกิดขึ้นของ AI ไม่จำเป็นต้องส่งสัญญาณถึงการว่างงานที่เพิ่มขึ้นเสมอไป แต่หมายถึงการเปลี่ยนแปลงในประเภทงานและบทบาท การเปลี่ยนแปลงแบบที่เราอาจจำงานบางงานที่เราเสียไปไม่ได้ด้วยซ้ำ เหมือนกับการที่เราจำบางอาชีพไม่ได้เมื่อหลายศตวรรษก่อน

 

คำถามที่ตามมาคือ ประสิทธิภาพการทำงานจะเป็นอย่างไร ในช่วงปลายทศวรรษ 1980 แม้จะมีการปฏิวัติทางคอมพิวเตอร์ แต่ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานก็ดูเหมือนจะไม่เพิ่มขึ้น ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่าเทคโนโลยีที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดได้ถูกค้นพบแล้ว และอย่างอื่นจะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยเท่านั้น

 

กระนั้นประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีใหม่สามารถเพิ่ม Productivity ได้ จากการที่พนักงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยเครื่องมือ AI โดยการศึกษาชิ้นหนึ่งแสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่บริการลูกค้าที่ใช้ AI มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น 14% ส่วนนักพัฒนาซอฟต์แวร์ทำงานเร็วขึ้น 56% ด้วยความช่วยเหลือจาก AI และงานเขียนเสร็จเร็วขึ้น 40% ด้วย AI เช่นกัน

 

การเพิ่ม Productivity ดังกล่าวอาจนำไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล Goldman Sachs เชื่อว่า AI อาจเพิ่มอัตราร้อยละ 1.5 ให้กับการเติบโตของผลิตภาพแรงงานของสหรัฐฯ ทุกปี นี่อาจหมายถึงการเพิ่มขึ้น 7% ต่อปีของ GDP โลก และเพิ่มมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ให้กับเศรษฐกิจโลก

 

แม้ว่า AI กำลังเติบโต แต่ก็ใช่ว่าจะไร้ขวากหนาม การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเนื่องจาก AI นั้นแตกต่างจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมในอดีตที่ดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ระบบการศึกษาในปัจจุบันของสหรัฐฯ ยังไม่พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ สหรัฐฯ ลงทุนน้อยกว่า 0.1% ของ GDP ในโปรแกรมการฝึกอบรม ซึ่งอาจไม่เพียงพอสำหรับยุค AI ที่กำลังจะมาถึง

 

สวนทางกับประเทศอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นระบบความยืดหยุ่นของเดนมาร์กที่ช่วยให้พนักงานสามารถเปลี่ยนงานได้โดยการให้สวัสดิการว่างงานจำนวนมากและโอกาสในการฝึกอบรมใหม่ ส่วนสิงคโปร์มีโครงการฝึกอบรมใหม่ที่ทำให้พนักงานเข้าถึงหลักสูตรต่างๆ ได้มากมาย ตั้งแต่วิทยาศาสตร์ข้อมูลไปจนถึงธุรกิจ ซึ่งช่วยเพิ่มอัตราการเติบโตของผลิตภาพแรงงานต่อปีเป็น 3%

 

แม้ว่านโยบายสาธารณะจะเป็นตัวชี้นำการเปลี่ยนแปลง แต่บริษัทเอกชนก็ต้องมีบทบาทเช่นกัน การเสนอโอกาสในการฝึกอบรมและปรับให้เข้ากับภูมิทัศน์ของงานที่เปลี่ยนแปลงไป เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าการเปลี่ยนไปสู่อนาคตที่ AI ครอบงำจะราบรื่นยิ่งขึ้น

 

อ้างอิง:

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising