ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ มีหุ้นกู้เลื่อนชำระไปแล้ว 26,890 ล้านบาท ผิดนัดชำระไปแล้ว 1,876 ล้านบาท ในช่วงที่เหลือของปี (ตุลาคม-ธันวาคม) ThaiBMA เผยหลัง Fed ลดดอกเบี้ยหนุน Fund Flow ไหลกลับไทย พบนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ (Net Buy) ตราสารหนี้ไทยที่ 58,561 ล้านบาทในไตรมาสที่ 3
วันนี้ (7 ตุลาคม) อริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 มีหุ้นกู้ผิดนัดชำระรวม 1,876 ล้านบาท จากผู้ออก (Issuer) 4 ราย ได้แก่ บริษัท พี พี ฮอลิเดย์ จำกัด (PPH), บริษัท ซิซซา กรุ๊ป จำกัด (CISSA), บริษัท ไอริส กรุ๊ป (IRIS) และ บริษัท เวสท์เทค เอ็กซ์โพเนนเชียล จำกัด (WTX)
ส่วนจำนวนหุ้นกู้ที่เลื่อนกำหนดชำระใน 9 เดือนแรก มีมูลค่ารวม 26,890 ล้านบาท จากผู้ออก 12 ราย (เป็นผู้ออกที่เคยเลื่อนกำหนดชำระมาก่อน 4 ราย) ทั้งนี้ ย้อนไปในปี 2023 มีหุ้นกู้เลื่อนกำหนดชำระ 37 รุ่นจากผู้ออก 14 ราย คิดเป็นมูลค่ารวม 12,443 ล้านบาท
โดยบริษัทส่วนหนึ่งที่ขอยืดการชำระหนี้ออกไปในปีนี้ ได้แก่ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD, บริษัท โปรเอ็น คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ PROEN, บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA
อริยาเปิดเผยอีกว่า ในช่วงที่เหลือของปี (ตุลาคม-ธันวาคม) มีหุ้นกู้ระยะยาวเตรียมครบกำหนด 212,194 ล้านบาท โดยจำนวนนี้ 89% ได้รับการจัดอันดับอยู่ใน Investment Grade ส่วนหุ้นกู้ผลตอบแทนสูง (High Yield) คิดเป็น 11% เท่านั้น สำหรับในปี 2568 จะมีหุ้นกู้ระยะยาวครบกำหนดอีก 889,962 ล้านบาท โดยจำนวนนี้ 85% อยู่ในกลุ่ม Investment Grade ส่วนหุ้นกู้ผลตอบแทนสูง (High Yield) คิดเป็น 15%
ต่างชาติเร่งซื้อสุทธิบอนด์ไทยทะลุ 5.8 หมื่นล้านบาทในไตรมาสที่ 3
ขณะที่ ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวว่า กระแสเงินลงทุนจากต่างประเทศ (Fund Flow) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2567 เป็นการขายสะสมสุทธิ (Net Sell) ตราสารหนี้ไทยจำนวน 6,902 ล้านบาท เป็นผลรวมของการขายสุทธิตราสารหนี้ไทยในช่วง 2 ไตรมาสแรกที่ 65,463 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในไตรมาส 3 นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ (Net Buy) ตราสารหนี้ไทยที่ 58,561 ล้านบาท ภายหลังการประกาศตัวเลขที่สำคัญทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่แสดงถึงการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ จนมีการคาดการณ์ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงโอกาสการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่กำลังใกล้เข้ามา
ดังนั้นเมื่อการประชุมรอบเดือนกันยายนมีการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.50% ตามคาด ทำให้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 นักลงทุนต่างชาติมีการถือครองตราสารหนี้ไทยเท่ากับ 9.2 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 5.4% ของมูลค่าคงค้างตลาดตราสารหนี้ไทย โดยอายุคงเหลือของตราสารหนี้ไทยที่ผู้ลงทุนต่างชาติถือครองมีอายุเฉลี่ย 8.8 ปี เพิ่มขึ้นจาก 8.6 ปีเมื่อสิ้นปี 2566
ดร.สมจินต์ กล่าวอีกว่า ณ สิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2567 ตลาดตราสารหนี้ไทยมีมูลค่าคงค้างเท่ากับ 17.2 ล้านล้านบาท ขยายตัว 3.9% จากสิ้นปีที่แล้ว จากการเพิ่มขึ้นของตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาลเป็นสำคัญ ในขณะที่การออกตราสารหนี้ภาคเอกชนระยะยาว (หุ้นกู้ระยะยาว) มีมูลค่า 704,153 ล้านบาท คิดเป็น 70% ของมูลค่าการออกในปีที่แล้ว โดยหุ้นกู้ที่ออกส่วนใหญ่กว่า 94% อยู่ในกลุ่ม Investment Grade
โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ออกหุ้นกู้ระยะยาวสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มเงินทุนและหลักทรัพย์ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และกลุ่มพลังงาน