สถานการณ์ราคาทองคำในปี 2024 มีความเคลื่อนไหวเชิงบวกตลอดทั้งปี และสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลายครั้ง จนล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 24 กันยายน ราคาทองคำในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดตลอดกาลครั้งใหม่อีกครั้ง โดยปรับขึ้นมาซื้อขายที่ระดับ 2,670 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งห่างจากวันที่สร้างสถิติสูงสุดที่ระดับ 2,660 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพียง 4 วัน
Reuters รายงานโดยรวบรวมข้อมูลจากสถาบันการเงินขนาดใหญ่หลายแห่ง พบว่า ส่วนมากประเมินว่าราคาทองคำจะพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ไปจนถึงปี 2025 เนื่องจากกระแสเงินทุนไหลเข้ากองทุน ETF จำนวนมาก และความคาดหวังว่าธนาคารกลางชั้นนำทั่วโลก รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม
นักวิเคราะห์จาก JPMorgan ระบุในรายงานเมื่อวันจันทร์ (23 กันยายน) ว่า “อุปสงค์ทองคำที่แข็งแกร่งจากจีนและธนาคารกลางช่วยหนุนราคาทองคำในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่กระแสความสนใจจากนักลงทุนและการออกกองทุน ETF ที่เน้นกลุ่มผู้ค้าปลีกโดยเฉพาะ ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดรอบการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed ที่กำลังจะมีขึ้น”
ราคาทองคำเพิ่มขึ้นเกือบ 570 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือมากกว่า 27% นับจากต้นปี 2024 ซึ่งอาจเป็นสัญญาณว่าราคาทองคำกำลังไต่ระดับทำราคาสูงสุดครั้งใหม่อย่างต่อเนื่องแบบรายปี ซึ่งเทรนด์นี้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2010
นักวิเคราะห์จาก UBS ระบุในบทวิเคราะห์เมื่อเดือนที่แล้วว่า “แม้ว่าทองคำจะแตะระดับสูงสุดหลายครั้งในปีนี้ และทำผลงานได้ดีกว่าดัชนีหุ้นหลัก แต่เราเชื่อว่าทองคำยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้อีกในช่วง 6-12 เดือนข้างหน้า ปัจจัยสนับสนุนสำคัญ ได้แก่ การฟื้นตัวของกระแสเงินไหลเข้ากองทุน ETF จำนวนมาก ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดหายไปตั้งแต่เดือนเมษายน 2022”
ทั้งนี้ Fed เริ่มวัฏจักรนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายในสัปดาห์ที่แล้ว ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในครั้งเดียว และคาดว่าจะปรับลดอีก 0.50% ภายในสิ้นปีนี้ และจะปรับลงอีก 1% ในปี 2025
นักวิเคราะห์กล่าวเพิ่มอีกว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ อาจผลักดันให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นอีก เนื่องจากความผันผวนของตลาดอาจผลักดันให้นักลงทุนหันไปซื้อทองคำที่ปลอดภัย
อ้างอิง:
