วันนี้ (13 กันยายน) ที่อาคารรัฐสภา ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคการเมืองฝ่ายค้าน
กล่าวถึงการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณานโยบายของรัฐบาลว่า การจัดการเวลาในวันแรกยังอยู่ในกรอบเวลา และยังมีเวลาเพียงพอกับจำนวนสมาชิกที่จะอภิปราย แต่อาจเลิกประชุมช้ากว่าที่กำหนดไว้ ซึ่งคาดว่าในวันนี้จะจบเวลา 23.00 น. ในเรื่องการจัดการนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไร เนื่องจากวิปพูดคุยกันอยู่ตลอด
ส่วนเนื้อหาในการอภิปรายก็อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ สมาชิกทุกคนทำได้ดี แต่อาจมีความกังวลต่อบรรยากาศภายในห้องประชุม เนื่องจากเมื่อวานนี้ประท้วงกันบ่อยครั้ง โดยไม่ให้พูดพาดพิงถึงเรื่องอดีต รวมถึงบุคคลภายนอก ทั้งที่รัฐบาลพูดมาโดยตลอดว่าจะเป็นรัฐบาลที่สืบทอดเจตนารมณ์จากรัฐบาลเดิม แต่เมื่อฝ่ายค้านพูดถึงนโยบายเดิมกลับประท้วง
ปกรณ์วุฒิกล่าวอีกว่า ตนเองมีความกังวลใจต่อสไลด์การนำเสนอของสมาชิกที่จะอภิปราย เนื่องจากมีการเบลอหน้าบุคคลภายนอก ซึ่งบุคคลนั้นเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีที่อยู่ในคณะรัฐมนตรีชุดที่ผ่านมา ซึ่งมองว่าการเบลอหน้าดังกล่าวเป็นการไม่ให้เกียรติบุคคลในภาพ และดูไม่ดีกว่าเดิมเสียอีก ขณะเดียวกัน บุคคลในภาพก็ล้วนเป็นบุคคลสาธารณะทั้งสิ้น และสิ่งที่สมาชิกพูดก็เป็นข้อเท็จจริง เป็นปัญหาที่เกิดขึ้น และยังสะสางไม่แล้วเสร็จ ทุกคนต้องการทราบว่ารัฐบาลจะดำเนินการต่ออย่างไร
ปกรณ์วุฒิกล่าวต่อว่า สภาผู้แทนราษฎรที่ประชาชนเลือกเข้ามานั้น ได้รับเลือกเข้ามาเพื่อให้พูดถึงเรื่องภายนอกที่กระทบต่อชีวิตของประชาชน การที่ไม่อนุญาตให้สภาพูดถึงบุคคลภายนอกจะทำให้เราทำงานได้อย่างไม่เต็มที่ ประชาชนไม่ได้เลือกเรามาเพื่อให้เราพูดถึงกันเองในสภา และนี่อาจเป็นบรรทัดฐานในสภาผู้แทนราษฎรในอนาคตได้
ส่วนที่นายกรัฐมนตรีระบุว่า ต้องการให้ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลร่วมงานกันได้นั้น ปกรณ์วุฒิกล่าวว่า เรื่องที่เราเห็นร่วมกันก็ยังสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างแน่นอน ร่างกฎหมายที่รัฐบาลเสนอเข้ามา หากเราเห็นว่าเป็นประโยชน์ เราไม่ค้านอยู่แล้ว หลายเรื่องมีการพูดคุยกันในวิป และทำให้สามารถดำเนินการอย่างราบรื่นตลอดรอดฝั่ง ยืนยันว่าเราไม่ได้ทำหน้าที่ฝ่ายแค้นอยู่แล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า จะเป็นการตอกย้ำว่าพรรคประชาชนไม่กล้ากับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เช่น เรื่องคนชั้น 14 ปกรณ์วุฒิกล่าวว่า หากติดตามการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ก็จะเห็นว่า นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ซึ่งอภิปรายเนื้อหาที่ค่อนข้างเข้มข้น ถูกประท้วงอย่างหนักเช่นกัน ในวันนั้นมีรัฐมนตรีลุกขึ้นสวนว่าจะร้องเรียนเรื่องของจริยธรรมวิชาชีพแพทย์เสียด้วยซ้ำ
ปกรณ์วุฒิกล่าวว่า หากติดตามการประชุมสภามาตลอดจะเห็นว่าเราตรวจสอบรัฐบาลทุกเรื่อง แต่เรายืนอยู่บนหลักการ ถ้าถามว่าเราไม่กล้าค้านพรรคเพื่อไทย หากเป็นหลักการที่เราเห็นด้วยแต่เรายังค้าน นั่นจะกลายเป็นสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์กับประชาชน
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายมองว่า ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ครอบงำนายกรัฐมนตรี แต่พรรคประชาชนกลับไม่พูดถึงเรื่องนั้น ปกรณ์วุฒิกล่าวว่า จริงๆ แล้วเมื่อวานก็มีหลายคนพูดถึงทักษิณแล้วถูกประท้วง ซึ่งเป็นปัญหาที่ตนพูดว่า การเอ่ยถึงคนภายนอกไม่ได้เลยอาจเป็นปัญหา แต่ก็เห็นด้วยกับรัฐมนตรีหลายคนที่บอกว่า หากคำแนะนำของใครที่เป็นประโยชน์แล้วรัฐบาลหยิบไปใช้ ตนก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร แต่ประชาชนและเพื่อน สส. ก็มีสิทธิที่จะวิพากษ์วิจารณ์ หรือมีสิทธิที่จะตั้งข้อสงสัย
ส่วนที่นายกรัฐมนตรีต้องการให้ฝ่ายค้านเลิกเป็นฝ่ายแค้นนั้น ปกรณ์วุฒิกล่าวว่า หากนายกรัฐมนตรีติดตามการประชุมสภาของพวกเราในช่วงที่ผ่านมาก็คงจะเห็นว่าเราไม่ได้ทำตัวเป็นฝ่ายแค้น ตนไม่แน่ใจว่าเมื่อวานนี้นายกรัฐมนตรีติดตามการอภิปรายของพรรคประชาชน รวมถึงพรรคร่วมฝ่ายค้านหรือไม่ เราไปทำลักษณะที่เป็นฝ่ายแค้นตอนไหน และไม่แน่ใจว่าใครเป็นผู้ที่บอกให้ท่านนายกรัฐมนตรีพูดแบบนี้ จึงอยากขอให้นายกรัฐมนตรีเปิดใจให้กว้าง หากได้ฟังการอภิปรายจริงๆ ก็จะรู้ว่าพรรคฝ่ายค้านมีคำแนะนำ รวมถึงมีข้อคิดหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย หากนำไปใช้เชื่อว่าจะเป็นผลที่ดี
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกมาบอกว่า ไม่ต้องการให้มีวาทกรรมออกมาด้อยค่ากัน ปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ในการทำงานรัฐสภา 1 ปีที่ผ่านมา คนที่พูดวาทกรรมบ่อยที่สุดคือภูมิธรรม และฝ่ายค้านแทบจะไม่พูดหรือทำวาทกรรมอะไรเลย แต่ถ้าสังเกตภูมิธรรมเวลาพูดจะต้องมีคำว่าวาทกรรมตลอด ก็ไม่แน่ใจว่าภูมิธรรมติดใจหรือมีปมอะไรกับคำนี้ ถ้าตั้งใจฟังกันจริงๆ แบบไม่มีอคติกับพวกเรา ก็คงจะรับรู้ว่าพวกเราติติงด้วยความหวังดี และทำงานร่วมกันได้ดีตลอดเวลา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการทำงานของรัฐบาลหลังจากนี้ ได้ขีดเส้นเวลาไว้หรือไม่ ปกรณ์วุฒิกล่าวว่า คงต้องพูดคุยกันอีกครั้ง เพราะตอนแรกวางแผนไว้ว่าจะอภิปรายมาตรา 152 ในสมัยประชุมนี้ ซึ่งจริงๆ ณ ตอนนี้ก็ยังพูดคุยกันอยู่ แต่พอเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สถานการณ์อาจจะเปลี่ยน แต่เราก็ยังยืนยันว่าถ้ามีเนื้อหาสาระ เราก็พร้อมที่จะเปิดอภิปรายใหญ่
เมื่อผู้สื่อข่าวให้ประเมินภาพรวมการแถลงนโยบายของแพทองธาร ปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ต้องเข้าใจว่าตามกฎหมายและตามข้อบังคับเป็นการอ่านคำแถลง จึงไม่สามารถกล่าวโทษนายกรัฐมนตรีได้ เพราะไม่แน่ใจว่าจะประเมินอย่างไร เพราะการอ่านก็คือการอ่าน แต่ก็เป็นไปตามข้อบังคับ ไม่ได้มีอะไรที่ต้องวิพากษ์วิจารณ์
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการชี้แจงข้อซักถามของฝ่ายค้าน ปกรณ์วุฒิกล่าวว่า ตนไม่ได้ติดใจเรื่องวิธีการพูดหรืออะไร แต่ในบางเรื่องที่อาจไม่จำเป็นต้องชี้แจงเอง ก็ให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับปัญหาตอบคำถามให้ชัดเจน ตนอยากเห็นภาพรวมของคณะรัฐมนตรีทั้งชุดตอบคำถามที่ชัดเจน มากกว่าที่จะลุกขึ้นมาแล้วก็พูดในหลักการกว้างๆ ที่เจ้าหน้าที่เตรียมมาให้ ตนคิดว่าตอนซ้อมตนก็ให้เพื่อน สส. ระบุคำถามให้ชัดว่าเราอยากทราบอะไรจากรัฐบาล หรือต้องการความชัดเจนเรื่องใด