จากชีวิตของคนปกติ แต่อุบัติเหตุแทบจะพรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเธอ จนถึงขั้นเคยคิดสั้นอยากจะจากโลกนี้ไปให้รู้แล้วรู้รอด
วันนี้ แวว-สายสุนีย์ จ๊ะนะ คว้าเหรียญทองในการแข่งขันวีลแชร์ฟันดาบเซเบอร์หญิง คลาส B พาราลิมปิกเกมส์ ปารีส 2024 ได้สำเร็จ ซึ่งเป็นการกลับมาคว้าเหรียญทองอีกครั้งในวัย 50 ปี
สาวเชียงใหม่คนนี้ผ่านทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตและยืนหยัดจนถึงวันนี้ได้อย่างไร?
นี่คืออีกหนึ่งในเรื่องราวการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเรื่องหนึ่งที่เราเรียนรู้จากเธอได้ครับ
ย้อนกลับไปในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศฟันดาบเซเบอร์ คลาส B ที่กรองด์ ปาเลส์ สนามกีฬาที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก
เพราะความเก่งกาจที่ใกล้เคียงกันทำให้การดวลกันระหว่าง สายสุนีย์ จ๊ะนะ นักกีฬามือ 4 ของไทย กับ เสี่ยวหรง มือ 3 คู่แข่งจากจีน จำเป็นต้องตัดสินกันถึงฎีกาในคะแนนสุดท้าย เพราะก่อนหน้านี้เสมอกันอย่างสุดเดือด 14-14
ปรากฏว่าแต้มสุดท้ายต้องตัดสินกันถึงการรีวิวทางวิดีโอเลยทีเดียว
ท้ายที่สุดกรรมการให้แต้มตัดสินแก่ แวว สายสุนีย์ อัศวินวีลแชร์ฟันดาบหญิงของไทยคว้าชัยชนะอันยิ่งใหญ่ได้สำเร็จ สร้างประวัติศาสตร์การกลับมาคว้าเหรียญทองพาราลิมปิกเกมส์ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี หลังจากที่เคยทำได้ครั้งล่าสุดในการแข่งขันลอนดอน 2012
เพียงแต่กว่าที่เธอจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ สายสุนีย์เคยคิดว่าเธอสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปหมดแล้ว
ภาพของความสิ้นหวัง
ภาพของเธอในชุดนักกีฬาฟันดาบที่ชวนให้รู้สึกเหมือนได้เห็นอัศวินในยุคกลาง มือถือกระบี่ไว้ฟาดฟันคู่ต่อสู้นั้น ข้างหลังภาพเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
สายสุนีย์ในวัย 17 ปี ต้องกลายเป็นคนพิการจากการประสบอุบัติเหตุถูกรถชนขณะที่ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของญาติเพื่อไปทำงาน โดยที่จับตัวผู้กระทำผิดไม่ได้ด้วย ขณะที่อาการของเธอสาหัส กระดูกทิ่มเส้นประสาท
นั่นหมายถึงการที่เธอจะไม่เหมือนเดิมอีกเลยตลอดกาล จากที่เคยแข็งแรงคล่องแคล่วก็กลายเป็นอัมพาต เคลื่อนไหวไม่ได้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้อีกแล้ว ซึ่งเธอได้รู้ชะตาชีวิตของตัวเองหลังนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลนานร่วมเดือน
ชีวิตที่เปลี่ยนไปชั่วข้ามคืน ความฝันของเธอที่เคยอยากเป็นคุณครูแตกสลาย และคุณค่าของชีวิตจากคนที่ตั้งใจจะเป็นเสาหลักหาเลี้ยงครอบครัว กลายเป็นภาระของครอบครัวโดยไม่ตั้งใจ
ความคิดเหล่านี้ทำให้สายสุนีย์เคยท้อแท้จนคิดถึงการไปจากโลกนี้เลยทีเดียว
“ยอมรับว่าเคยคิดสั้นฆ่าตัวตายมาแล้ว เพราะเราไม่เหลืออะไรเลย” สายสุนีย์ให้สัมภาษณ์กับ Stadium TH
แต่ด้วยความรักและการโอบกอดจากครอบครัว ทำให้เธอค่อยๆ กลับมาได้อีกครั้ง แม้ว่าจะต้องใช้ความพยายามอย่างมากมายมหาศาลก็ตาม
ชีวิตเลือกเป็นไม่ได้ แต่เลือกเส้นทางได้
เป็นเวลาถึง 5 ปีกว่าที่สายสุนีย์จะทำใจยอมรับกับชีวิตที่ไม่ได้เลือก แต่เธอตัดสินใจเลือกชีวิตหลังจากนี้ด้วยตัวและหัวใจของเธอเอง
จุดเปลี่ยนแปลงของชีวิตเกิดจากการที่เธอค้นพบโลกใบใหม่ที่ศูนย์พัฒนาศักยภาพและอาชีพคนพิการหยาดฝนในจังหวัดเชียงใหม่ ที่ซึ่งทำให้เธอได้พบกับสิ่งที่เธอตามหามาตลอดนั่นคือ ‘ความหวัง’ ที่จะทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ตัวเองมีคุณค่า เพราะที่นี่คือโลกของคนที่ไม่ยอมแพ้และยิ้มสู้กับชีวิตต่อไป ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม
สายสุนีย์เขียนจดหมายน้อยส่งถึงศูนย์ฝึกอาชีพเพื่อขอ ‘โอกาส’ ที่เธอจะได้เริ่มต้นใหม่ที่นี่
ผลปรากฏว่าความเรียงในใจของเธอชนะใจกรรมการ เธอได้โอกาสเข้ามาอยู่ที่ศูนย์แห่งนี้ ซึ่งนอกจากวิชาชีพแล้ว อีกสิ่งที่เธอค้นพบคือมีกีฬาที่เธอสามารถเล่นได้ด้วย
แววของแวว
สายสุนีย์เริ่มจากการเล่นวีลแชร์บาสเกตบอลก่อน ซึ่งเธอค้นพบว่าเธอมีพรสวรรค์ด้านกีฬา เรียกว่าฝีไม้ลายมือไม่เบาขนาดที่ได้รับเลือกเป็นตัวแทนเขตให้ไปแข่งขันที่กรุงเทพมหานครเลยทีเดียว
แต่หลังจากนั้นชีวิตของเธอพลิกผันอีกครั้งเมื่อได้โอกาสให้ลองเล่นกีฬาวีลแชร์ฟันดาบ ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงที่มีการเปิดอบรมกีฬาชนิดนี้ เพื่อคัดตัวนักกีฬาวีลแชร์ฟันดาบคนแรกของไทยเข้าแข่งขันกีฬาเฟสปิกเกมส์ในปี 1999 ที่จะจัดการแข่งขันกีฬาชนิดนี้เป็นครั้งแรก
ปรากฏว่า ‘แวว’ ฉายแววได้อย่างโดดเด่นเข้าตาโค้ชจากต่างประเทศที่มาจับตามอง ตลอดช่วงเวลา 7 วันของการอบรม
“เด็กคนนี้จะเป็นแชมป์โลก” โค้ชที่มาดูฟอร์มของเธอบอกไว้ในครั้งนั้น
และมันไม่ได้ผิดไปจากความจริงเลย
เปิดตำนานอัศวินฟันดาบบนม้าเหล็ก
ความจริงสายสุนีย์มีโอกาสเลือกได้ที่จะแข่งขันทั้งวีลแชร์บาสเกตบอลและวีลแชร์ฟันดาบ เพราะตัวเลือกในขณะนั้นมีไม่มาก
แต่สุดท้ายเธอเลือกมาทางสายฟันดาบแทน ทั้งๆ ที่ความรู้สึกแรกของเธอไม่ชอบกีฬาชนิดนี้เลย
แต่เพราะเชื่อในคำแนะนำจากรุ่นพี่ที่แนะว่า สำหรับเธอกีฬาประเภทบุคคลอาจทำให้เธอไปได้ไกลกว่า เพราะทุกอย่างเธอเป็นคนกำหนดเอง
เมื่อเลือกแล้วก็ต้องสู้
ถึงสายสุนีย์จะฝึกฝนหนักแค่ไหน เธอก็ไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาพาราลิมปิกเกมส์ 2000 ที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เพราะเธอยังมีคะแนนสะสมไม่ถึง
แต่เธอพร้อมจะรอและใช้ช่วงเวลาเหล่านั้นฝึกฝนตัวเองอย่างหนัก ความมุ่งมั่นทำให้นอกจากเธอจะได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ 2004 ที่เมืองเอเธนส์แล้ว เธอยังได้รับการสนับสนุนทางการเงินให้เดินทางไปแข่งขันด้วย (เพราะถ้าไม่มีเงินสนับสนุน การไปแข่งจะลำบากอย่างยิ่ง)
สุดท้ายสาวเชียงใหม่ในวัย 30 ปีขณะนั้นเปิดตำนานของตัวเองด้วยการคว้าเหรียญทองในการแข่งครั้งนั้นได้สำเร็จ กลายเป็นเจ้าของเหรียญทองพาราลิมปิกหญิงคนแรกของไทย และกลายเป็น ‘แชมป์โลก’ อย่างที่มีคนทำนายไว้จริงๆ
ไอคอน-สยาม
นับจากนั้นเป็นต้นมา สายสุนีย์ไม่ได้เป็นแค่นักกีฬาธรรมดา แต่เป็นความหวังของชาติที่ค่อยๆ สั่งสมเรื่องราวประสบการณ์จนกลายเป็นนักกีฬาในระดับ ‘ไอคอน’ ของวงการ
ในรายการใหญ่ระดับพาราลิมปิก เธอเก็บเหรียญกลับมาได้เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเหรียญทองแดงในปักกิ่ง 2008, เหรียญทองในลอนดอน 2012 จนถึงเหรียญเงินในรีโอ 2016 และครั้งก่อนหน้ากับเหรียญทองแดงในโตเกียว 2020
เรียกว่าเป็นอัศวินที่ลงทำศึกที่ไหนก็คว้าชัยชนะมาฝากคนไทยได้เสมอ
รวมถึงในปารีส 2024 เธอเป็นฝ่ายตามหลังคู่แข่งจากจีนแทบจะตลอดทั้งแมตช์ ไม่ต่างจาก วิเวียน กง เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกจากฮ่องกงที่ตามหลังคู่แข่งตลอด 5-6 แต้ม ในการแข่งรอบชิงฯ
แต่ท้ายที่สุดแล้ว สายสุนีย์-วิเวียน มีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคือหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ ทั้งคู่พลิกสถานการณ์ท้ายเกมกลับมาเอาชนะและคว้าเหรียญทองได้สำเร็จ นี่เป็นเหรียญทองพาราลิมปิกเกมส์ที่ 3 ของสายสุนีย์แล้ว และเป็นครั้งแรกที่เธอได้จากการแข่งในประเภทเซเบอร์
ทั้งๆ ที่ด้วยวัย 50 ปีของเธอ หากอยากจะพักก็น่าจะถึงเวลาแล้ว เพียงแต่สิ่งที่ทำให้สายสุนีย์ยืนหยัดตรงนี้ไม่ไปไหนคือครอบครัวที่เธอจะไม่ยอมให้ชีวิตของทุกคนลำบาก รวมถึง ฤทัย ลูกสาวผู้เป็นแก้วตาดวงใจที่กำลังน่ารัก
ชัยชนะในการแข่งขันจึงไม่เป็นแค่ชัยชนะในการแข่งขัน ไม่ได้เป็นชัยชนะของเธอแค่คนเดียว แต่เป็นชัยชนะของครอบครัวที่จะได้สุขสบายไปด้วยกัน
นั่นทำให้เธอซ้อมหนักสัปดาห์ละ 6 วัน แม้ว่าจะเคยเหนื่อย เคยท้อแค่ไหนก็ตาม แต่เมื่อลงสนามแล้วยังรู้สึกดีกับชัยชนะอยู่ ทำให้เธอยังไม่คิดที่จะหยุดแค่ตอนนี้ และคิดว่าจะยืนหยัดต่อไปจนกว่าร่างกายและจิตใจของเธอจะไม่ไหว
ปารีส 2024 ยังไม่ใช่การลงทำศึกครั้งสุดท้ายของอัศวินสาวบนม้าเหล็กผู้นี้
คนที่เป็นตัวแทนของการไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา และลิขิตทุกอย่างขึ้นมาใหม่ด้วยสองมือและหัวใจหนึ่งดวงของตัวเอง
ติดตามการแข่งขัน โอลิมปิก ปารีส 2024 – Paris 2024 Olympic Games ได้ที่
- เว็บไซต์ https://thestandard.co/paris2024/
- Facebook : https://www.facebook.com/thestandardsport
- YouTube : https://www.youtube.com/@TheStandardSport
- TikTok : https://www.tiktok.com/@thestandardsport
- Instagram : https://www.instagram.com/thestandardsport