×

เศรษฐพุฒิพร้อมปรับดอกเบี้ยหากสถานการณ์เปลี่ยน ลั่นห่วงภาวะเศรษฐกิจโตไม่ทั่วถึง และสินเชื่อชะลอตัว-คุณภาพแย่ลงกดดันเศรษฐกิจ

28.08.2024
  • LOADING...
เศรษฐพุฒิ

ดร. เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ห่วง 2 ประเด็นเศรษฐกิจ ได้แก่ การเติบโตที่ไม่ทั่วถึง (Uneven Recovery) และการเสื่อมลงของคุณภาพสินเชื่อและการชะลอตัวของการเติบโตของสินเชื่อ (Credit Deterioration) ที่อาจกระทบเศรษฐกิจมหภาคมากกว่าที่คิด ระบุพร้อมปรับเปลี่ยนนโยบายตามสถานการณ์ ชี้ไม่พอใจที่ศักยภาพเศรษฐกิจไทยลดลง ต้องแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง

 

วันนี้ (28 สิงหาคม) ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงาน Thailand Focus 2024 โดยระบุว่า ในแง่ของการดำเนินนโยบายการเงินมีเรื่องกังวลอยู่ 2 ประเด็น ได้แก่ การฟื้นตัวที่ไม่สม่ำเสมออย่างมาก (Uneven Recovery) และความเชื่อมโยงระหว่างภาคการเงินและเศรษฐกิจ (Macrofinancial Linkages) ที่มีสัญญาณว่าภาวะการเงินที่ตึงตัวอาจเชื่อมโยง (Interact) หรือมีผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจจริงมากกว่าที่ประเมินไว้

 

“ธปท. เห็นสัญญาณการชะลอตัว (Deterioration) ของสินเชื่อและคุณภาพสินเชื่อ ทำให้สถาบันการเงินต่างๆ มีความต้องการที่จะปล่อยกู้ลดลง ซึ่งอาจทำให้เศรษฐกิจมหภาคแย่ลงได้ โดยหากเศรษฐกิจมหภาคแย่ลง ก็อาจนำไปสู่ความเสื่อมโทรมของคุณภาพสินเชื่ออีกครั้งได้ โดยความอันตรายดังกล่าวเป็นสิ่งที่ ธปท. ไม่ต้องการเห็นในตอนนี้” ดร.เศรษฐพุฒิระบุ

 

อย่างไรก็ดี ดร.เศรษฐพุฒิอธิบายอีกว่า การเสื่อมลงของคุณภาพสินเชื่อและการชะลอตัวของการเติบโตของสินเชื่อเป็นสิ่งที่ ธปท. คาดการณ์ไว้แล้ว แต่ ธปท. ไม่ต้องการเห็นผลกระทบมากไปกว่านี้ และไม่ต้องการเห็นการเติบโตของสินเชื่อลดลงอย่างรวดเร็ว หรือ NPL Cliff ซึ่งเป็นภาวะที่หนี้เสียเพิ่มสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด

 

ดร.เศรษฐพุฒิกล่าวอีกว่า ปัจจุบันหนี้เสีย (NPLs) มีสัดส่วนอยู่ที่ประมาณ 2.8% เมื่อเทียบกับสินเชื่อในระบบธนาคารพาณิชย์ทั้งหมด ดังนั้น ธปท. จึงไม่คิดว่าสิ่งนี้จะกลายเป็นปัญหาด้านเสถียรภาพทางการเงินมหภาค

 

พร้อมปรับเปลี่ยนนโยบายตามสถานการณ์

 

ดร.เศรษฐพุฒิยังยืนยันว่า ธปท. ยังคงมีความยืดหยุ่นและไม่ยึดติดกับจุดยืนใดๆ และพร้อมที่จะปรับเปลี่ยน (นโยบาย) ตามสถานการณ์ โดยในแง่ของการตอบสนองนโยบาย ดร.เศรษฐพุฒิคิดว่าสิ่งสำคัญคือต้องตระหนักว่าการตอบสนองนโยบายครอบคลุมมาตรการต่างๆ มากมาย เป็นส่วนหนึ่งของชุดนโยบายแบบบูรณาการ และไม่ใช่แค่ในอัตราดอกเบี้ยเท่านั้น แต่ยังมีมาตรการอื่นๆ ที่จะช่วยทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ต่างๆ อีกด้วย

 

ไม่พอใจศักยภาพไทยต่ำ ชี้ต้องแก้เชิงโครงสร้าง

 

ดร.เศรษฐพุฒิกล่าวว่า ธปท. คาดว่าอัตราการเติบโตของ GDP ไทย จะอยู่ที่ประมาณ 2.6% ในปีนี้ และประมาณ 3% ในปีหน้า ซึ่งค่อนข้างจะใกล้เคียงกับศักยภาพการเติบโต (Potential Growth) ในระยะยาวของไทย ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 3% หรือต่ำกว่า 3% เล็กน้อย

 

“ผมไม่พอใจกับความจริงที่ว่าศักยภาพอัตราการเติบโตในระยะยาวของไทยลดลง เนื่องจากอัตราดังกล่าวไม่เพียงพอที่จะนำไปสู่การยกระดับมาตรฐานการครองชีพและสวัสดิการที่จำเป็นได้” พร้อมระบุอีกว่า แน่นอนว่า ธปท. ต้องการเห็นอัตราการเติบโตในระยะยาวที่สูงขึ้น แต่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อมีการใช้มาตรการเชิงโครงสร้างเท่านั้น

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X