วันนี้ (27 สิงหาคม) สรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดเผยภายหลังการประชุม สส. พรรคเพื่อไทยว่า ในที่ประชุมได้พูดคุยกันว่า สส. หลายคนก็มีความไม่สบายใจถึงพฤติกรรมของพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือหัวหน้าพรรคร่วม ตั้งแต่ตอนตั้งรัฐบาลของ เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี และไม่ให้ความสำคัญ ไม่มาร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ประกอบกับหลายสิ่งที่สื่อมวลชนก็ทราบดีว่าการยื่นถอดถอนอะไรต่างๆ ผู้อยู่เบื้องหลังก็เป็นที่ทราบกันดี
นี่คือสิ่งที่ สส. พรรคได้สะท้อนออกมา ส่วนการดำเนินกิจการทางนิติบัญญัติต่อไปได้มีมติให้กรรมการบริหารพรรคไปรวบรวมเสียงสมาชิกในสภาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อสร้างเสถียรภาพให้รัฐบาล
เมื่อถามย้ำว่า พรรคพลังประชารัฐจะไม่ได้อยู่ในพรรคร่วมรัฐบาลแล้วใช่หรือไม่ สรวงศ์ระบุว่า ต้องเป็นมติของที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค ซึ่งจะมีขึ้นในช่วงเย็นวันนี้ ก็คงจะชัดเจนมากยิ่งขึ้นว่าเราจะร่วมหรือไม่ร่วมกับใคร จริงๆ แล้วไม่ได้มีข้อกฎหมายอะไร แต่เป็นสิ่งที่เวลาเราอยู่ด้วยกันก็จะต้องมีความสุขกันทั้งสองฝ่าย
สรวงศ์ระบุว่า ในพรรคการเมืองก็มีข้อบังคับของแต่ละพรรคอยู่แล้ว เราไม่ก้าวล่วง แต่ในนามของเลขาธิการพรรคก็จะรวบรวมเสียงในสภาให้มากที่สุด
เมื่อถามว่า มติของ สส. คือไม่เอาพรรคพลังประชารัฐแล้ว สรวงศ์ชี้แจงว่า มีความไม่สบายใจของ สส. ซึ่งจะเอาประเด็นตรงนี้เข้ามาถกเถียงกันในที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคอย่างแน่นอน
เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะเทียบเชิญพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ สรวงศ์ระบุว่า ไม่จำเป็นจะต้องเป็นพรรคประชาธิปัตย์อย่างเดียว ก่อนย้ำว่า ในฐานะที่ตนเป็นเลขาธิการพรรคก็ต้องหาเสียงในสภาให้ได้มากที่สุด เพื่อเสถียรภาพของรัฐบาล
เมื่อถามต่อว่า เท่าที่มองแล้วมีพรรคไหนบ้างนอกจากพรรคประชาธิปัตย์ สรวงศ์ระบุว่า ก็ยังมีพรรคเล็กอยู่ มีเสียงสองเสียงก็มีส่วนทำให้รัฐบาลเข้มแข็งมากขึ้น
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า อย่างพรรคไทยสร้างไทย 6 เสียงที่โหวตให้นายกฯ ก็เป็นไปได้ใช่หรือไม่ สรวงศ์ระบุว่า ก็เป็นไปได้ ในเมื่อมีความเห็นตรงกันว่าจะให้นายกฯ ที่มาจากพรรคเพื่อไทยมาเป็นผู้นำรัฐบาล ก็ทำงานด้วยกันได้
ส่วนกลุ่มของ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่สนับสนุนรัฐบาลมาตลอด จะพิจารณาอย่างไร สรวงศ์ระบุว่า สส. แต่ละคนก็มีเอกสิทธิ์ มีเอกภาพในการทำงานอยู่แล้ว เราคงต้องมีการเชื้อเชิญกัน
“แต่ท่านใดสะดวก ท่านใดไม่สะดวก ก็เป็นเรื่องของบุคคล โดยจะเป็นการติดต่อทาบทามไป และถ้าสะดวกใจทำงานร่วมกันก็มา ไม่สะดวกใจก็แยกกันเดิน” สรวงศ์กล่าว
เมื่อถามต่อว่า หากกลุ่ม ร.อ. ธรรมนัส สะดวกมาร่วมรัฐบาล จะแบ่งโควตารัฐมนตรีอย่างไร สรวงศ์ระบุว่า เรื่องนี้เป็นอำนาจของนายกฯ ส่วนการมอบตำแหน่งให้กับคนนอก ตามกฎหมายแล้วสามารถทำได้หรือไม่ ยืนยันไม่มีข้อห้ามอะไรทั้งสิ้นในเรื่องนี้ เป็นอำนาจของนายกฯ เพียงท่านเดียว มีเพียงข้อตกลงตามโควตา
ส่วนคณะกรรมการบริหารพรรคจะเคาะเรื่องพรรคพลังประชารัฐเมื่อไรนั้น สรวงศ์ย้ำว่า “ภายในวันนี้แหละครับ”
ส่วนการเดินหน้าเทียบเชิญพรรคการเมืองมาร่วมรัฐบาลจะเป็นทางการหรือเป็นการภายใน สรวงศ์ระบุว่า ต้องเป็นทางการ อาจจะประสานกันไปก่อน แต่เพื่อให้เกียรติกับท่านที่คุยเอาไว้ก็ต้องเทียบเชิญอย่างเป็นทางการ
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ก็มีทั้งส่วนที่อยากมาและไม่อยากมา จะทำให้เป็นปัญหาเหมือนกับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ สรวงศ์ระบุว่า ต้องดูเป็นรายบุคคลและสถานการณ์ จะพยายามประนีประนอมและให้ราบรื่นที่สุด
สรวงศ์ยังบอกถึงความเคลื่อนไหวในพรรคเพื่อไทยว่า ไม่มีปัญหาอะไร ตนได้คุยกับนายกฯ แล้ว “ไม่มีอะไรครับ”
เมื่อถามว่า รัฐบาลเดิมมี 314 เสียง หลังจากนี้จะมีมาเพิ่มหรือไม่ สรวงศ์ระบุว่า ในวันเลือกนายกฯ มี 319 เสียง ถ้ายังอยู่ครบก็ดี เพิ่มมาก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ ก่อนมั่นใจว่าไม่ต่ำกว่า 300 เสียงอย่างแน่นอน
เมื่อถามถึงการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานีคนใหม่ พรรคเพื่อไทยมีแคนดิเดตคนใหม่แล้วหรือไม่ สรวงศ์ระบุว่า เท่าที่ตนทราบ คณะกรรมการการเลือกตั้งมีมติออกมาอย่างเป็นทางการแล้วหรือไม่ ซึ่งเห็นว่าจะประชุมต่อในวันพรุ่งนี้ โดยหากมีมติออกมาแล้วและเป็นการให้ใบเหลือง ก็จะต้องส่งผู้สมัครคนเดิมที่จะสามารถลงสมัครได้ ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็พร้อมที่จะส่งตัวแทนลงสมัคร
เมื่อถามว่า จะส่งคนเดิมใช่หรือไม่ สรวงศ์ระบุว่า หากเป็นใบเหลือง จำเป็นต้องส่งบุคคลเดิม