×

ปิยบุตรมั่นใจ หากคดียุบก้าวไกลยึดตามข้อกฎหมายจะไม่ไปถึงขั้นยุบพรรค มองผู้นำรุ่นต่อไปยึดตามแนวทางอนาคตใหม่-ก้าวไกล

โดย THE STANDARD TEAM
07.08.2024
  • LOADING...
ปิยบุตร

วันนี้ (7 สิงหาคม) ที่อาคารอนาคตใหม่ ที่ทำการพรรคก้าวไกล ปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนก่อนเปิดบรรยายสาธารณะให้ประชาชนที่มารอฟังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญคดียุบพรรคก้าวไกลว่าด้วยการยุบพรรคการเมืองและบทบาทของศาลรัฐธรรมนูญต่อการเมือง

 

ปิยบุตรกล่าวว่า เมื่อวานนี้ (6 สิงหาคม) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคก้าวไกล ได้นัดประชุมกัน โดยหลังการปิดประชุมได้เชิญตนเองไปพูดเพื่อให้กำลังใจในฐานะที่เคยมีประสบการณ์ถูกยุบพรรคและถูกตัดสิทธิทางการเมืองมาก่อน ซึ่งเท่าที่ตนเองสังเกต สส. ของพรรคก้าวไกล ขวัญและกำลังใจยังดี และวันนี้ สส. แต่ละท่านก็ไปทำงานที่สภาผู้แทนราษฎร เพราะมีญัตติและร่างกฎหมายสำคัญเข้าสภา เรียกว่ายังปฏิบัติหน้าที่ได้ดี รวมถึง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ลุกขึ้นอภิปรายในสภาก่อนที่จะเดินทางไปยังศาลรัฐธรรมนูญ

 

ในฐานะที่ตนเองสอนวิชานิติศาสตร์ สอนกฎหมายรัฐธรรมนูญ กฎหมายว่าด้วยวิธีการพิจารณาคดีรัฐธรรมนูญ ดังนั้นเมื่อไรก็ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน ตนเองก็จะพยายามอธิบายทุกครั้งให้เป็นไปตามหลักการและกฎหมายที่ถูกต้อง

 

“อย่าเอาความรู้สึก อย่าเอาเหตุปัจจัยทางการเมือง เข้ามาเป็นส่วนผสมในการตัดสิน ตนจะพยายามพูดแบบนี้ทุกครั้ง” ปิยบุตรกล่าว

 

แต่ก็เข้าใจดีว่าประสบการณ์ตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการยุบพรรคเกิดขึ้นหลายครั้งหลายหน และมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจำนวนมากที่ส่งผลกระทบต่อการเมืองไทยอย่างมีนัยสำคัญ จึงเป็นธรรมดาที่สังคมและประชาชนจำนวนมากจะประเมินเรื่องนี้จากแง่มุมทางการเมืองและจากประสบการณ์ที่ผ่านมา

 

ซึ่งถ้ามองในแง่ข้อกฎหมาย ตนเองก็ยังยืนยันว่ากรณีนี้ไปไม่ถึงการยุบพรรค แต่สุดท้ายก็ต้องรอดูศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยอย่างไร

 

ปิยบุตรกล่าวต่อว่า จากการที่ตนเองได้อ่านเอกสารการต่อสู้คดีของพรรคก้าวไกล ถ้าใครสนใจกฎหมายอยากให้โหลดเอกสารดังกล่าวไปศึกษา เพราะมองว่าเอกสารข้อต่อสู้นี้ถือเป็นหนังสือเรียน ตำราเรียน บทความทางวิชาการขนาดย่อม ที่มีการสู้คดีไปตั้งแต่เขตอำนาจศาล, กระบวนการในชั้นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.), ข้อต่อสู้ว่าการกระทำที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นการกระทำของพรรค แต่เป็นการกระทำของปัจเจกบุคคล และต่อสู้ประเด็นที่เสนอแก้กฎหมายอาญามาตรา 112 ว่าเป็นกระบวนการนิติบัญญัติ ไม่ใช่การล้มล้างการปกครอง นอกจากนี้ยังมีการพูดไปถึงมาตรการการยุบพรรคที่ให้ใช้เท่าที่จำเป็น ใช้อย่างระมัดระวัง

 

ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าพรรคก้าวไกลสู้ประเด็นต่างๆ ได้อย่างครบถ้วนทั้งหมด จากนี้ก็ขึ้นอยู่กับศาลว่าจะวินิจฉัยอย่างไร จะตอบประเด็นข้อโต้แย้งทั้งหมดอย่างไร เพราะจะไม่ได้เป็นการตอบแค่พรรคก้าวไกล และ กกต. เท่านั้น แต่ต้องตอบประชาชนและสังคมด้วย เพราะคดีนี้เป็นคดีเกี่ยวกับการยุบพรรคก้าวไกลที่มีสมาชิกพรรคหลายหมื่นคน และการเลือกตั้งปีที่ผ่านมาได้คะแนนกว่า 14.4 ล้านเสียง มี สส. 151 คน ชนะการเลือกตั้งเป็นอันดับ 1

 

เมื่อถามว่าหากสุดท้ายพรรคก้าวไกลรอดคดียุบพรรค จะสะท้อนอะไรถึงประเด็นทางนิติศาสตร์ ปิยบุตรกล่าวว่า คงต้องศึกษาคำวินิจฉัยศาลก่อน แล้วจะมีข้อวิจารณ์ตามมา เพราะเชื่อว่าการจะจรรโลงประชาธิปไตย รักษาสถาบันองค์กรตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้ สิ่งสำคัญคือต้องมีการวิพากษ์วิจารณ์คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้

 

ปิยบุตรกล่าวต่อว่า ในฐานะที่ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่มา แล้วน้องๆ ก็ไปอยู่ที่พรรคก้าวไกล พวกเขาก็เดินหน้าตั้งใจทำงาน ตนคิดว่ากลุ่มขั้วความคิดแบบอนาคตใหม่และก้าวไกลตอนนี้ถูกสถาปนาขึ้นเป็นขั้วความคิดทางการเมืองและพลังทางการเมืองแบบใหม่เรียบร้อยแล้ว

 

ในวันนี้และวันหน้าคงจะต้องยึดตามแนวทางของอนาคตใหม่และก้าวไกลต่อไป เพราะสิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่เรื่องของคนไม่กี่คน แกนนำพรรคไม่กี่คน สส. ไม่กี่คน แต่สำคัญที่ความคาดหวังของประชาชนด้วย และไม่ว่าวันนี้อะไรจะเกิดขึ้น พี่น้องในพรรคก้าวไกลจะอาสาเดินหน้านำพาความหวังไปให้สำเร็จ

 

เมื่อถามถึงประเด็นการแก้ไขมาตรา 112 ว่าจะยังคงมีข้อเรียกร้องหลังจากนี้ต่อไปหรือไม่ ปิยบุตรกล่าวว่า ประเด็นนี้ต้องแบ่งออกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนตัวยืนยันมาโดยตลอดว่ามาตรา 112 จำเป็นต้องถูกปรับปรุงแก้ไข ส่วนความเป็นจริงในแง่การเมือง จากคำวินิจฉัย 3/2567 เมื่อวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา ดูเหมือนการแก้ไขมาตรา 112 จะถูกตีกรอบมากขึ้น

 

และเมื่อพิจารณาดูแล้วไม่มีส่วนใดที่ระบุว่ามาตรา 112 จะแก้ไม่ได้ ศาลรัฐธรรมนูญระบุเพียงว่าให้แก้แบบไหน ส่วนพรรคไหน สส. คนไหน สมาชิกพรรคการเมืองใด จะนำไปรณรงค์ ก็ต้องประเมินสถานการณ์ทางการเมือง แต่ในความเห็นทางวิชาการยืนยันเสมอมาว่าการรักษาสถาบันเพื่อดำรงอยู่ในประชาธิปไตยอย่างมั่นคง ยั่งยืน ให้สมกับพระเกียรติยศ ให้สอดคล้องกับประวัติศาสตร์ของประเทศไทย มีความจำเป็นที่ต้องปรับปรุงแก้ไขมาตรา 112

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X