กรุงไทยโกยกำไรสุทธิครึ่งปีแรก 22,274 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.1% จากปีก่อน ระบุ เน้นการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างระมัดระวังและยืดหยุ่น รักษา Coverage Ratio ในระดับสูง รองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ พร้อมเดินหน้าช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มเปราะบาง เผย ลดดอกเบี้ยช่วยลูกค้าตามนโยบายภาครัฐไปแล้วกว่า 3 แสนบัญชี หรือวงเงินสินเชื่อรวมกว่า 2 แสนล้านบาท
ผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2/67 เทียบกับไตรมาส 1/67 มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารเท่ากับ 11,195 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.1% โดยรายได้รวมจากการดำเนินงานลดลงเล็กน้อยที่ 3.1%
ขณะที่สินเชื่ออยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับปี 2566 แม้ปรับลดลงจากไตรมาสที่ผ่านมาจากการชำระคืนของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และสินเชื่อภาครัฐ
ส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานอื่นๆ ลดลง 7.3% จากการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในองค์รวมอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ Cost to Income Ratio เท่ากับ 41.7% สินเชื่อด้อยคุณภาพปรับลงอยู่ที่ระดับ 98,701 ล้านบาท และ NPLs Ratio ที่ 3.12%
ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ธนาคารกรุงไทยเปิดเผยว่า ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของธนาคารเท่ากับ 22,274 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.1% โดยมีรายได้รวมจากการดำเนินงานขยายตัว 12.9% ทั้งจากการบริหารจัดการ Portfolio เพื่อรักษาสมดุลด้านความเสี่ยงและผลตอบแทนที่มุ่งเน้นคุณภาพ และอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวขึ้น รวมถึงการขยายตัวของรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิและรายได้จากการดำเนินงานอื่นๆ
ธนาคารยังคงมุ่งเน้นการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในองค์รวมอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ Cost to Income Ratio เท่ากับร้อยละ 42.6 โดยค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ ขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลจากบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขายอย่างระมัดระวัง โดยธนาคารตั้งค่าเผื่อด้อยค่าทรัพย์สินรอการขายตามศักยภาพของทรัพย์สินอย่างเหมาะสม
อีกทั้ง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 ธนาคาร (งบเฉพาะธนาคาร) มีเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 17.57% ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยง และมีเงินกองทุนทั้งสิ้น 20.75% ของสินทรัพย์ถ่วงน้ำหนักตามความเสี่ยง ซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเมื่อเทียบกับเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รวมถึงมีสภาพคล่องในระดับที่เพียงพอ โดยรักษาระดับของ Liquidity Coverage Ratio (LCR) อย่างต่อเนื่องสูงกว่าเกณฑ์ที่ ธปท. กำหนด
เน้นบริหารจัดการอย่างระมัดระวัง เหตุเศรษฐกิจไทยเผชิญความท้าทาย
ผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2567 อยู่ในช่วงเริ่มฟื้นตัวท่ามกลางความท้าทาย โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ทั้งนี้ การฟื้นตัวยังต่ำกว่าศักยภาพและเป็นการฟื้นตัวแบบ K-Shaped Recovery โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงนโยบายภาครัฐ ทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ การลดภาระค่าใช้จ่าย รวมถึงมาตรการเพิ่มกำลังซื้อผู้บริโภคในระยะข้างหน้า
ขณะที่ภาคการส่งออกฟื้นตัวได้จำกัดจากปัญหาความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ มาตรการกีดกันทางการค้าที่เพิ่มขึ้น และสภาวะภูมิอากาศที่แปรปรวน
นอกจากนี้เศรษฐกิจไทยยังได้รับแรงกดดันจากภาระหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงในขณะที่มีค่าครองชีพสูงขึ้น ธุรกิจ SMEs รวมถึงธุรกิจขนาดเล็กจำนวนมากที่อยู่นอกระบบ ยังเปราะบางและขาดความยืดหยุ่นในการปรับตัวจึงฟื้นตัวได้ช้า รวมถึงปัญหาเชิงโครงสร้าง ซึ่งกระทบต่อความสามารถในการแข่งขัน
ธนาคารกรุงไทยจึงดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ มุ่งเน้นการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างระมัดระวังและยืดหยุ่น รักษา Coverage Ratio ในระดับสูง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
พร้อมดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ที่มุ่งสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน สนับสนุนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยให้ความสำคัญกับดูแลช่วยเหลือลูกค้าทุกกลุ่มอย่างใกล้ชิด
โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่มีภาระหนี้สูงให้สามารถปรับตัวและฟื้นตัวในช่วงการเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจ ซึ่งได้พัฒนารูปแบบการช่วยเหลือให้ครอบคลุมและตรงจุด เช่น มาตรการรวมหนี้และแก้หนี้อย่างยั่งยืนตามลักษณะและประเภทของกลุ่มลูกค้าเปราะบาง โดยยึดมั่นในแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending) สนับสนุนให้ธนาคารเติบโตตามเป้าหมายทั้งในด้านคุณภาพสินทรัพย์และการบริหาร Portfolio เพื่อรักษาสมดุลด้านความเสี่ยงและผลตอบแทนที่มุ่งเน้นคุณภาพ
ลดดอกเบี้ยช่วยลูกค้ากว่า 3 แสนบัญชี หรือวงเงินสินเชื่อรวมกว่า 2 แสนล้านบาท
ธนาคารกรุงไทยเปิดเผยอีกว่า ตามแนวนโยบายของภาครัฐในการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ทั้งลูกค้าบุคคลและผู้ประกอบการ SMEs รายย่อย ด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MRR, MLR และ MOR 0.25% ต่อปี เป็นเวลา 6 เดือน มีผลตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม – 15 พฤศจิกายน 2567
ธนาคารกรุงไทยสามารถช่วยลดภาระทางการเงินให้กับลูกค้าได้มากกว่า 3 แสนบัญชี คิดเป็นวงเงินสินเชื่อรวมมากกว่า 2 แสนล้านบาท นอกจากนี้ยังเดินหน้าขยายความร่วมมือโครงการ ‘สินเชื่อรวมหนี้ข้าราชการยั่งยืน’ เพื่อช่วยเหลือข้าราชการกลุ่มเปราะบางที่มีภาระหนี้สูง มุ่งลดภาระทางการเงิน และเพิ่มความสามารถในการดำรงชีพอย่างเหมาะสม รวมถึงให้ความรู้ สร้างวินัยการเงิน กู้เท่าที่จำเป็น และชำระคืนไหว เพื่อสุขภาพทางการเงินที่ดีอย่างยั่งยืนตามแนวทางการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible Lending)
ธนาคารกรุงไทยมุ่งมั่นพัฒนาองค์กรด้วยนวัตกรรมและปฏิรูปองค์กรอย่างต่อเนื่อง ให้ก้าวนำการเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจยุคใหม่ ขับเคลื่อน ‘นวัตกรรมสร้างคุณค่า ตอบโจทย์ลูกค้า สู่ความยั่งยืน’ พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ทันสมัยบนดิจิทัลแพลตฟอร์มและให้บริการทางการเงินผ่านทุกช่องทาง เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงได้อย่างสะดวก ทั่วถึง และเท่าเทียม พร้อมตอบโจทย์การดำเนินธุรกิจที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG)
โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม เช่น Transition Finance (ผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อการเปลี่ยนผ่านด้านความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม) เงินฝากสีเขียวภายใต้มาตรฐานสากล และผลิตภัณฑ์บริหารจัดการทางการเงินเชื่อมโยงกับเป้าหมายด้าน ESG เป็นต้น ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน