นวัตกรรมความงามที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ก่อเกิดเทรนด์ใหม่ๆ ให้ได้วิ่งตามอยู่เสมอ ล่าสุดการบำบัดด้วยแสงสีแดงหรือ Red Light Therapy กำลังสร้างกระแสในโลกออนไลน์อย่างล้นหลาม ซึ่งจากความนิยมของการบำบัดด้วย Red Light Therapy เห็นได้ชัดจากตัวเลขที่น่าทึ่งใน TikTok มียอดชมเกี่ยวกับเรื่องนี้สูงถึง 437 ล้านครั้ง และใน Google มีการค้นหาคำว่า ‘Red Light Therapy’ มากถึง 274,000 ครั้งในเดือนเดียว แสดงให้เห็นว่าผู้คนกำลังให้ความสนใจกับวิธีการดูแลผิวแบบใหม่นี้อย่างมาก
แต่การบำบัดด้วยแสงสีแดงคืออะไร และทำไมถึงได้รับความนิยมขนาดนี้ Rhysa Phommachanh ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณจาก Landys Chemist ได้อธิบายว่า “การบำบัดด้วยแสงสีแดงเป็นเทคนิคที่ใช้คลื่นแสงที่ปลอดภัยในการกระตุ้นผิว วิธีนี้ช่วยแก้ปัญหาผิวหลายอย่าง เช่น ริ้วรอย จุดด่างดำ และสิว โดยแสงสีแดงความยาวคลื่นต่ำจะกระตุ้นให้เซลล์ผลิตพลังงานมากขึ้น ทำให้เซลล์ทำงานได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นในการฟื้นฟูและซ่อมแซมความเสียหาย”
ข้อดีที่ทำให้การบำบัดด้วยแสงสีแดงได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วคือ
- ไม่เจ็บ การบำบัดนี้ไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดใดๆ ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่กลัวความเจ็บ
- ปลอดภัยต่อผิว ไม่ทำให้ผิวเสียหายหรือระคายเคือง เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวบอบบางหรือแพ้ง่าย
- ไม่ต้องพักฟื้น หลังการบำบัดสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ทันที ไม่จำเป็นต้องหยุดพักหรือหลีกเลี่ยงการออกแดด
- สะดวกสบาย มีอุปกรณ์ที่ใช้ได้ที่บ้าน เช่น แท่งไฟหรือหน้ากาก ทำให้สามารถดูแลผิวได้ด้วยตัวเอง
แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณจะสามารถให้บริการบำบัดด้วยแสงสีแดงในคลินิก แต่ความนิยมของเทรนด์นี้อยู่ที่การทำได้ที่บ้านด้วยอุปกรณ์แบบพกพาและหน้ากาก ข้อดีคือไม่เจ็บและไม่ทำให้ผิวเสียหายหรือต้องพักฟื้น ต่างจากการบำบัดด้วยแสงแบบอื่นๆ สิ่งสำคัญคือต้องทราบว่าอุปกรณ์ที่ใช้ที่บ้านมักมีความเข้มของแสงต่ำกว่าที่ใช้ในคลินิก แต่ก็ให้ผลดีในแง่ของการบำรุงรักษาและป้องกันริ้วรอย ควรอ่านคำแนะนำเกี่ยวกับความถี่ในการใช้งานของอุปกรณ์ที่บ้านให้ดี