วันนี้ (21 มิถุนายน) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท ในวาระแรก วันสุดท้าย
ณัฐพงศ์ เปรมพูลสวัสดิ์ สส. กทม. พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ผิดหวังกับการจัดสรรงบประมาณของรัฐบาลชุดนี้ และคิดว่าคงไม่สามารถคาดหวังอะไรกับรัฐบาลชุดนี้ได้ เรามีการตั้งเป้าหมายการกระจายอำนาจอยู่ที่ 35% ปีนี้รัฐบาลมีการประมาณการรายได้อยู่ที่ 8.4 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 29.07% ถือเป็นการกระจายอำนาจที่ถอยหลังลงคลองของรัฐบาลชุดนี้
ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับการจัดสรรงบประมาณปีที่แล้วจะเพิ่มมาแค่ 1% เท่านั้น หรือนี่เป็นเพียงแค่เทคนิคในการหาเสียงเท่านั้น เนื่องจากตอนหาเสียงพรรคเพื่อไทยเคยบอกไว้ว่าจะเพิ่มมา 35% และยังเคยบอกอีกว่าจะส่งเสริมให้มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัด
แต่เมื่อเป็นรัฐบาลแล้วก็ไม่เห็นว่าจะมีการทำให้การเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดมีความคืบหน้า จังหวัดไหนจะนำร่องอย่างไรก็ไม่มีการพูดถึง เช่นเดียวกับพรรคภูมิใจไทย ที่ก็เคยมีการหาเสียงไว้เช่นกันว่าสามารถแบ่งภาษีไปในบ้านเกิดเมืองนอนได้เลยโดยไม่ต้องรอให้ส่วนกลางแบ่งงบประมาณลงไป
ณัฐพงศ์กล่าวต่อว่า เราจะเห็นได้ว่ากรมโยธาธิการและผังเมือง ที่อยู่ในสังกัดของกระทรวงมหาดไทยที่พรรคภูมิใจไทยกำกับอยู่ มีงบพุ่งแซงทุกกรม ซึ่งเพิ่มขึ้นจากงบประมาณปี 2567 ถึง 10% เมื่อไปดูภารกิจที่กรมโยธาฯ แล้วจะเห็นว่าในหลายโครงการชื่อโครงการไม่ได้บอกอะไรเลย บางอย่างเป็นสิ่งที่ท้องถิ่นทำอยู่แล้ว หากอ่านจากชื่อโครงการก็ทราบอยู่แล้วว่าเป็นงานของใคร ซึ่งหากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลเราก็คงจะคิดทบทวนว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเราจะแก้ไขอย่างไร แต่สิ่งที่รัฐบาลชุดนี้ทำคือการเพิ่มงบประมาณขึ้นไป
ณัฐพงศ์ตั้งข้อสังเกตอีกว่า จังหวัดที่มีรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยสังกัดอยู่ชนะเลือกตั้ง บังเอิญว่ามีโครงการและงบประมาณไปลงที่จังหวัดและเขตนั้น ซึ่งเป็นงบประมาณจำนวนมาก ทั้งนี้ พรรคภูมิใจไทยมี สส. เขตอยู่ 68 คน มีโครงการไปลง 55 โครงการ คิดเป็น 80.88% จึงอดสงสัยไม่ได้ว่าที่ไม่ยอมกระจายงบประมาณลงไปให้ท้องถิ่นทำโครงการต่างๆ เองเป็นเพราะหากปล่อยงบลงไปส่วนกลางจะทำให้รัฐมนตรีสามารถช้อปปิ้งได้ตามใจหรือไม่
“ผมเชื่อว่า สส. ที่นั่งอยู่ที่นี่ ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลทุกคนคงน้อยใจกับโครงการที่ควรไปลงในพื้นที่ของท่าน กลายเป็นลงในพื้นที่อื่นหมด จึงอยากชวนทุกคนมาช่วยกันปฏิรูประบบราชการให้ดีขึ้น ให้ท้องถิ่นมีความเข้มแข็งมากขึ้น ดูแลตัวเองได้มากขึ้น เพราะจะทำให้ชีวิตของประชาชนดีขึ้นด้วย และหากชีวิตของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ท่านดีขึ้น ท่านก็จะได้คะแนนนิยมเพิ่มขึ้น” ณัฐพงศ์กล่าว
ภูมิใจโวย ‘บ่างช่างยุ’ แนะก้าวไกลอยากได้งบให้ไปหาผู้มีอำนาจ
จากนั้น สนอง เทพอักษรณรงค์ สส. บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ได้ลุกขึ้นประท้วงว่า ตามที่มีเพื่อนสมาชิกได้อภิปรายและมีการพาดพิงถึงพรรคภูมิใจไทยในเรื่องของการจัดสรรงบประมาณจนทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจว่าพรรคภูมิใจไทยนั้นได้จัดสรรเงินงบประมาณโดยไม่คำนึงถึงส่วนรวม นอกจากนี้ยังมีการพาดพิงระบุว่า เชิญชวนให้เพื่อนสมาชิกพรรคการเมืองอื่นให้ร่วมกันพิจารณาร่วมกันคิดอีกด้วย
สนองกล่าวว่า ภาษาบ้านตนเองเรียกการอภิปรายครั้งนี้ว่า ‘บ่างช่างยุ’ เรื่องการนำเสนองบประมาณนั้นต้องมีเหตุมีผล และต้องมีเอกสารหลักฐาน หากรู้สึกว่าไม่มีงบประมาณต้องพบกับฝ่ายที่มีอำนาจ และนำเสนอข้อมูล เพื่อให้ได้รับการจัดสรรงบประมาณได้อย่างถูกต้อง โดยไม่จำเป็นต้องใช้วาจาอภิปรายโดยให้พรรคการเมืองอื่นเสียหาย
ขณะที่ พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่ 2 ในฐานะประธานการประชุม ได้ชี้แจงว่า เรื่องดังกล่าวนี้ขอให้รัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงดังกล่าวเข้ามาตอบ