วันนี้ (27 พฤษภาคม) ชัยธวัช ตุลาธน สส. แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงคดีคำร้องของกลุ่ม 40 สว. ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาวินิจฉัยถอดถอน เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กรณีการแต่งตั้ง พิชิต ชื่นบาน ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชอบด้วยรัฐธรรมนูญหรือไม่
ชัยธวัชระบุว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้พิจารณา ส่งผลกระทบต่อรัฐบาลอย่างปฏิเสธไม่ได้ เนื่องจากเกิดความไม่ชัดเจน และอาจกลายเป็นอุปสรรคต่อการผลักดันนโยบายของรัฐบาล
โดยเฉพาะการรอพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 และจะเกี่ยวข้องกับนโยบายหลักของรัฐบาลอาจได้รับผลกระทบ หากวินิจฉัยออกมาไม่เป็นผลดีต่อเศรษฐา แน่นอนว่าจะต้องมีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะทำให้เสถียรภาพทางการเมืองมีปัญหา และกระทบต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ
ชัยธวัชยังยืนยันว่า แม้มีการเลือกนายกฯ รอบใหม่ โดยไม่มี สว. ชุดเดิมแล้ว พรรคก้าวไกลก็ยังไม่มีโอกาสจับมือจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย เพราะมองว่าทั้งสองพรรคต้องเป็นคู่แข่งกันในทางการเมือง
ชัยธวัชปฏิเสธด้วยว่า เหตุที่ สว. ต้องยื่นร้องเองเป็นเพราะฝ่ายค้านทำหน้าที่ไม่ได้ พร้อมย้ำว่า ฝ่ายค้านทำหน้าที่ทุกวันอยู่แล้ว เราคิดว่าเราทำได้มีประสิทธิภาพมากกว่า สว. ด้วยซ้ำ พรรคก้าวไกลไม่ได้เห็นด้วยมากนักที่จะให้ศาลรัฐธรรมนูญมาพิจารณาว่าใครสุจริตเป็นที่ประจักษ์ เพราะเรื่องแบบนี้ไม่มีความแน่นอนทางกฎหมาย และอาจสุ่มเสี่ยงในอนาคต
“อย่าคิดถึงผลประโยชน์เฉพาะหน้าว่านายกรัฐมนตรีถูกวินิจฉัยแล้วผิด ฝ่ายค้านจะได้ประโยชน์ แต่เราต้องคิดถึงระยะยาวว่าข้อกล่าวหาทำนองนี้ถูกใช้ได้กับทุกฝ่าย เหมือนจริยธรรมทางการเมืองที่เราไม่เห็นด้วย เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับผู้วินิจฉัยว่าจะให้คุณค่าแบบไหน” ชัยธวัช
อย่างไรก็ตาม ชัยธวัชกล่าวด้วยว่า เรื่องแบบนี้เป็นความรับผิดชอบทางการเมือง ไม่ใช่ฝ่ายบริหารจะทำอะไรก็ได้ นายกรัฐมนตรีจะแต่งตั้งบุคคลแบบไหนก็ได้ เมื่อตั้งคนไม่เหมาะสมก็ต้องรับผิดชอบทางการเมือง คือต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์ และต่อไปก็จะมีผลต่อความไว้วางใจของประชาชน ระหว่างการบริหารราชการแผ่นดินและการเลือกตั้งครั้งต่อไป
ชัยธวัชยังเผยว่า หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองจริง พรรคก้าวไกลยืนยันที่จะส่งรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคคือ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมย้ำว่าพิธายังมีความชอบธรรมที่จะถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี