ภาพแรกที่แฟนบอลทุกคนตื่นเช้ามาในวันที่ 27 พฤษภาคม คือภาพเรอัล มาดริด ชูถ้วยแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน พร้อมกับภาพของ ลอริส คาริอุส ผู้รักษาประตูของลิเวอร์พูลที่ร้องไห้กลางสนามฟุตบอล หลังจากที่พลาดในจังหวะสำคัญจนนำไปสู่การเสียประตูถึง 2 ลูก ส่งผลให้ลิเวอร์พูลพ่ายให้กับเรอัล มาดริดในรอบชิงไป 1-3
โดยล่าสุดหลังการแข่งขันจบลงเป็นเวลาเกือบ 24 ชั่วโมง คาริอุสก็ได้เปิดใจเป็นครั้งแรกผ่านทางทวิตเตอร์ส่วนตัวกล่าวถึงความรู้สึกในเวลานี้ว่า
“ผมยังไม่ได้นอนเลยจนถึงตอนนี้ ภาพเหตุการณ์นั้นวนไปมาอยู่ในหัว ผมรู้สึกเสียใจ และขอโทษเพื่อนร่วมทีม แฟนบอล และทีมงาน ผมรู้ว่าผมทำผิดพลาดในสองจังหวะนั้นและทำให้พวกคุณทุกคนผิดหวัง
“เหมือนที่ผมบอก ผมอยากจะย้อนเวลากลับไป แต่นั่นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ผมรู้สึกแย่ขึ้นไปอีกเมื่อรู้สึกว่าเราสามารถเอาชนะเรอัล มาดริดได้
“ขอบคุณสำหรับการสนับสนุนผมและเดินทางมาเชียร์ที่เคียฟ มันทำให้ผมเห็นว่าเราคือครอบครัวที่ยิ่งใหญ่แค่ไหน ผมขอขอบคุณและสัญญาว่าเราจะกลับมาอย่างแข็งแกร่งกว่าเดิม”
สำหรับค่ำคืนที่กรุงเคียฟ ประเทศยูเครน ในรอบชิงชนะเลิศศึกยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเมื่อคืนวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา ในช่วงต้นเกมลิเวอร์พูลสามารถเปิดเกมบุกเข้าใส่เรอัล มาดริดได้อย่างสุดมัน จนกระทั่งเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เมื่อ โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ ปีกตัวเก่งของทีมได้รับบาดเจ็บหัวไหล่จากการปะทะกับ เซร์คิโอ รามอส กองหลังตัวเก่งของเรอัล มาดริด จนต้องขอเปลี่ยนตัวในครึ่งแรก เช่นเดียวกับ ดาเนียล การ์บาฆาล ที่ได้รับบาดเจ็บจนต้องถูกเปลี่ยนออกเช่นกัน
หลังจากนั้นทิศทางเกมเปลี่ยน และกลายเป็นเรอัล มาดริดที่ได้ประตูแรกจากจังหวะที่ คาริอุส ผู้รักษาประตูลิเวอร์พูลพยายามจะเปิดบอลเร็วจากมือแต่โยนบอลไปเข้าเท้าเบนเซมา จนเสียประตูแรก
ช่วงต่อมาแม้ว่าลิเวอร์พูลจะตีเสมอได้จากลูกยิงของ ซาดิโอ มาเน แต่สุดท้ายเมื่อมาดริดตัดสินใจเปลี่ยน แกเร็ธ เบล ลงมา เขาก็ยิงถึง 2 ประตู ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นลูกยิงไกลแบบตรงตัวคาริอุส แต่เขาก็รับบอลพลาดกระเด้งเข้าประตู และปิดฉากการลุ้นคว้าแชมป์ยุโรปอีกสมัยของทีม จนแฟนบอลเมื่อคืนที่ผ่านมาได้โจมตีทวิตเตอร์ส่วนตัวของเขาอย่างหนัก พร้อมเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนตัวผู้รักษาประตูคนใหม่
แต่ก็มีแฟนบอลอีกกลุ่มที่หันมาให้กำลังใจคาริอุส เช่นเดียวกับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน กัปตันทีมลิเวอร์พูลที่ออกมาปกป้องลูกทีมโดยให้สัมภาษณ์ว่า
“เราเข้ารอบชิงร่วมกันเป็นทีม และแพ้ร่วมกันเป็นทีม ทุกๆ คนต้องร่วมกันรับผิดชอบ เราไม่ดีพอในคืนนี้ และผมภูมิใจกับนักเตะรวมทั้งแฟนบอลที่มาให้กำลังใจเรา”
อ้างอิง: