“ค่ะ วันนี้พลอยก็อยากมาพูดให้ฟังเรื่องของ boss ของพลอยนะคะ คือพลอยทำงานอยู่ที่บริษัท shipping อยู่ที่บริเวณสีลมนะคะ”
คุณอาจจะคุ้นเคยกับประโยคนี้ในคลิปของผู้หญิงเสื้อสีฟ้าคนหนึ่งที่บอกว่าตัวเองชื่อ ‘พลอย’ ทำงานแถวสีลม มีเจ้านายที่ไม่มี responsible และ leadership เลย ซึ่งตลอดคลิปนั้นเธอสนทนาแบบ ‘ไทยคำอังกฤษคำ’ จนบางคนก็รู้สึกรำคาญ เริ่มมีการแชร์ไปด่า ไปหัวเราะ บ้างก็ส่งต่อความสนุกเหล่านั้นให้เพื่อนๆ ในวันที่คนไทยรู้จักยูทูบแค่เพียงในฐานะเว็บไซต์สำหรับชมคลิปวิดีโอหรือดูเอ็มวีต่างประเทศ และคลิปดังกล่าวก็ส่งให้ชื่อของ ‘ใจดีทีวี’ เกิดขึ้นมาในช่วงหนึ่งของประวัติศาสตร์โลกออนไลน์ของคนไทย ผู้หญิงที่แสดงบทบาทมากมายตั้งแต่เล่นเป็นนางอิจฉาในละครไทย เล่นเป็นพริตตี้มอเตอร์โชว์ เล่นเป็นพิธีกรรายการบันเทิง หรือแม้แต่เล่นเป็นคนแก่ที่ชื่อ ‘ยายทองดี’ ถ้าคุณคุ้นเคยสิ่งเหล่านี้ แสดงว่าเราโตทันกัน
ตั้งแต่ในวัยมัธยมปลาย วัยที่เริ่มมีโทรศัพท์ BlackBerry เครื่องแรก เราจำความรู้สึกตอนกดส่งลิงก์คลิปใหม่ๆ ของเธอให้เพื่อนในกลุ่มชมได้ ในวันที่อินเทอร์เน็ตมือถือความเร็วสูงสุดไม่เท่าไหร่ เรารู้จักเธอในฐานะที่ ‘ไม่สามารถนิยามได้’ เพราะผู้หญิงที่อยู่ในจอสี่เหลี่ยมความละเอียด 360p มีโลโก้ยูทูบหราอยู่บนนั้น เราไม่รู้ว่าเราจะต้องเรียกเธอว่าอะไรในวันที่คำว่า ‘ยูทูเบอร์’ ยังไม่ปรากฏในภูมิทัศน์สังคมไทย แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เธอเปรียบเสมือนเพื่อนคนหนึ่ง พี่คนหนึ่ง ผู้หญิงคนหนึ่งที่เติบโตมาพร้อมๆ กับเราจนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ตัวเธอจะสลัดชื่อใจดีทีวีออกไปเหลือเพียงแต่ ‘ปอนด์ ยาคอปเซ่น’ อันเป็นนามแท้ที่ปรากฏบนตัวตนของเธอ แต่ก็ใช่ว่า ‘ความขำขัน’ ในแบบที่เธอรังสรรค์ขึ้นมาจะสาบสูญไปตามกาลเวลา
เราชวนเธอมานั่งพูดคุยถึงเรื่องราวที่ผ่านมาในชีวิต ทั้งการเป็นยูทูเบอร์และมุมมองของเธอต่อสังคมออนไลน์ของไทยในปัจจุบัน รวมไปถึงความน่าตื่นเต้นที่เธอกำลังจะมี ‘ทอล์กโชว์’ เป็นของตัวเองครั้งแรกอันกลั่นกรองมาจากประสบการณ์และความคิดที่ตกตะกอนของผู้หญิงที่เป็น ‘ยูทูเบอร์’ คนแรกๆ ของประเทศไทย
จุดเริ่มต้นของ ‘ใจดีทีวี’
ตอนนั้นอายุประมาณ 28 ปี เราย้ายไปอยู่นอร์เวย์ ไปเป็นแม่บ้านท่ามกลางอากาศหนาวๆ และไม่มีอะไรทำ (หัวเราะ) เราเลยเริ่มทำยูทูบ คือเราพยายามเสิร์ชไปทั่วอินเทอร์เน็ตแล้วพบว่ามันไม่มีคนไทยทำสิ่งนี้เลย เราก็เลยคิดอยากจะทำดู ใช้กล้องในคอมพิวเตอร์ถ่ายตัวเองนี่แหละ คนก็จะจำห้องใต้หลังคาได้ และตอนนั้นเราก็เล่นเป็นหลายๆ คาแรกเตอร์ ก็จะมีคนติดตามอยู่ในตอนนั้น เนื่องจากคนดูไม่มีตัวเลือกเยอะนัก แต่ตอนนั้นสักราวปี 2553 มันเป็นช่วงตึงเครียดของบ้านเมืองพอดี แล้วอยู่ดีๆ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งลุกขึ้นมาแสดง เราว่ามันเป็นจังหวะพอดี เหมือนทำแล้วโดน คนดูเลยชอบและติดตาม
ชีวิตของ ‘ยูทูเบอร์’ ในวันที่ยังไม่มีใครคิดทำสิ่งนี้ให้เกิดขึ้นเลยเป็นอย่างไร
สารภาพว่ามันคือความบันเทิงของเราจริงๆ (หัวเราะ) คนคิดว่าเราทำเพื่อเอ็นเตอร์เทนคนอื่น แต่ไม่ใช่ เพราะจริงๆ แล้วเราทำเพื่อเอ็นเตอร์เทนตัวเองล้วนๆ อยากจะแสดงก็ลุกขึ้นมาแสดงเลย อยากเป็นดีเจก็ลุกขึ้นมาอัดเสียงเลย อยากจะเป็นละครวิทยุก็ทำ ให้เพื่อนเขียนบทแล้วอ่านเลย คือเราไม่ต้องมีขั้นตอน เราอยากจะทำอะไรก็ได้ตอนนั้น แต่ถ้าทำคลิปแบบที่เราทำในยุคนั้นแล้วเราจะรู้สึกไม่รู้สึกพิเศษนะ ถ้าทำยุคนี้คงไม่ได้มีผลตอบรับหรือผู้ติดตามแบบนั้น
ปอนด์ได้ตามยูทูเบอร์คนอื่นๆ ในยุคปัจจุบันหรือไม่ แล้วคิดว่าปัจจุบันภาพรวมโซเชียลมีเดียของไทยเป็นอย่างไรในมุมมองของคุณ
ได้ดูอยู่ตลอดค่ะ และถ้าสังเกตนะ เราก็เห็นเขาทำเหมือนๆ กัน เหมือนเป็นเทรนด์ ไม่มีใครคิดจะทำอะไรใหม่ๆ ให้ฉีกออกมา เราก็จะเห็นคลิปแกะกล่องก็แกะกล่องกันไป สอนทำสไลม์ก็ทำสไลม์กันไปจนมือเปื่อย วิดีโอไปเที่ยว ไปกิน ก็จะต้องมีภาพฟรุ้งฟริ้งกับประโยคประมาณว่า ‘ตามมาเลยค่ะ’ แล้วเพลงบรูโน มาร์ส ก็ขึ้น (หัวเราะ) หรืออย่างการที่ทุกคนพยายามจะเป็นไลฟ์โค้ช ตรงนั้นก็เข้าใจนะ มันสร้าง Engagement ให้คนเข้าไปชม เข้าไปแสดงความคิดเห็นได้เยอะ พอสักพักก็ ‘เข้าคอร์สสิ’ และมันก็จะตามมาด้วยเงิน มันหาเงินง่ายมาก ถ้าคุณทำให้คนเทิดทูนคุณได้ โอนค่ะ บัญชีนี้ค่ะ มันพร้อมมาก
แฟนๆ ของคุณจากยุคแรกถึงปัจจุบันเป็นอย่างไร
มีความรู้สึกว่าเราและกลุ่มคนติดตามของเราบุญเสมอกัน ศีลเสมอกัน (หัวเราะ) เพราะว่ามันก็มีช่วงหนึ่งที่เราดูฮิป ดูอินเทรนด์ คนต้องดูใจดีทีวีในยูทูบ แต่แล้วมันก็มีช่วงที่เราเลือกชอยส์บางอย่างและทำให้คนเหล่านั้นเฟดออกไป
ทางเลือกที่ว่าคืออะไร
การรับงานโฆษณา (หัวเราะ) คนที่ติดตามเรากลุ่มหนึ่งเขาก็เฟดไป เราก็เฟลกับตัวเอง แต่มันก็มีกลุ่มที่ยังไม่ไป ก็ยังอยู่ด้วยกัน หลังจากนั้นก็เลิกทำคลิปไปช่วงหนึ่ง แล้วเราก็กลับมาในยุคที่เป็นโรคซึมเศร้าก็มี พูดแต่เรื่องจิตใจ ความรู้สึก แล้วอยู่ๆ ก็กลับมามีพลัง กลายเป็นคนเกรี้ยวกราด มองทุกอย่างว่าอะไรก็ผิดไปหมดในสายตาเรา วิพากษ์วิจารณ์ทุกคน แล้วก็กลับมาเป็นแม่ชี กลับมาสงบ
เหมือนคุณเองก็เจอช่วงเปลี่ยนผ่านอยู่เสมอๆ
ช่วงนี้ค่อนข้างบาลานซ์นะ รู้สึกนิ่ง แต่สำหรับเรา ช่วงเปลี่ยนผ่านมันมีอยู่เสมอ ทุกวัยมันเปลี่ยนผ่านหมดเลยนะ ทุกวัน ทุกชั่วโมงคือการเปลี่ยนผ่าน ตอนนี้ก็เปลี่ยนผ่าน
เรามักจะนิยามมุมมองที่คุณนำเสนอผ่านคลิปว่าเป็น ‘ตลกแบบปัญญาชน’ ที่มีการวิพากษ์สังคม มนุษย์ และพฤติกรรมไปพร้อมๆ กันอย่างน่าประทับใจ แต่ว่าการแสดงออกและความคิดเหล่านั้นเกิดจากอะไร คุณเอาตัวเองหรือสังคมเป็นที่ตั้ง และคุณนิยามความคิดเห็นเหล่านั้นว่าเป็นการ ‘จิกกัด’ หรือไม่
เราใช้ตัวเองเป็นหลัก แต่หลักๆ แล้วเราแทบจะไม่ได้ทำอะไรเลยนะ หมายถึงเราไม่ได้จิกกัดสังคม ไม่ได้ตั้งใจจะวิพากษ์อะไรเลย สิ่งที่เราทำคือแค่เลียนแบบคนให้เหมือนที่สุด สมมติเราแสดงเป็นคุกกี้ เราก็จะเป็นเด็กแอ๊บแบ๊วให้เหมือนที่สุด เราเล่นเป็นยายเราก็จะด่า ใช้น้ำเสียงให้เหมือนที่สุด รู้สึกว่าเราก็แค่ทำให้เหมือน ไม่เคยมีคำว่าจิกกัดเลยเชื่อไหม คนเขาเสพและตีความด้วยประสบการณ์ของเขา ไปทุกสื่อก็จะถูกถามหมดเลยว่าการจิกกัดเริ่มมาจากไหน ซึ่งก็งงตัวเอง และบางทีก็ไม่รู้ว่าจะตอบว่าอะไร เราไม่เคยคิดว่าเราจะต้องจิกกัดประเด็นนี้ เล่นประเด็นนั้น ไม่เคยเลยจริงๆ สาบานได้ เราแค่ทำให้เหมือนที่สุด แล้วคนดูเขาเป็นคนแปลเองด้วยประสบการณ์และกลไกของเขา คนดูเป็นคนให้คำว่าจิกกัดเอง คุณนะ ไม่ใช่ฉัน ไม่มีเจตนาเลยด้วยซ้ำ
ในปี 2561 คุณคิดว่าคนไทยกำลังรู้สึกขำขันกับสิ่งไหน อะไรคือสิ่งที่ทำให้ผู้ชมยิ้มและหัวเราะได้
ความขำ ความตลก มันเปลี่ยนไปตลอดเวลา แต่ในความคิดเรา เราว่ามันยังไม่อิ่ม มันเหมือนตอนที่เราเริ่มทำคลิปในแบบของเรา เราก็จะขำในแบบของเรา ล้อเลียนนั่นนี่ เลียนแบบนั่นนี่ ต่อมามันก็เริ่มมีการขำกับคลิปจีบผู้ชาย ขำกับคำหยาบ แต่เราว่ามันยังไม่อิ่ม และเมื่อความขำขันมันอิ่ม มันจะคัดตัวเองออกมาให้เหลือแต่ความขำที่มีคุณภาพ เราว่าตอนนี้ความขำขันมันยังค้นหาหนทางอยู่ คนก็ลองกันหลายๆ แบบ แต่สุดท้ายมนุษย์ต้องการขำ เขาต้องการอะไรก็ได้ที่ดึงชีวิตออกจากตัวเขาเอง การขำนี้มันง่ายที่สุด เพจตลก เพจฮา มันเป็นที่พึ่งของมนุษย์
สิ่งที่เราจะได้เห็นในทอล์กโชว์ ‘หน้าสด’ ของคุณ
โชว์หน้าสดมันเป็นการพูดถึงความดิบ ความเถื่อน ความเพียว ความจริง แต่ว่าเราเล่าด้วยความอารมณ์ดี ยังมีความเป็นคอเมดี้อยู่ในนั้น และเราไม่เน้นวิพากษ์วิจารณ์สังคม แต่เราเน้นวิพากษ์วิจารณ์ตัวตน คือเรามองว่ายุคนี้เป็นยุคของการสร้างภาพ ทุกอย่างมันเป็นวิชวลหมด เพราะเราอยู่กับมือถือ มันจะต้องมีภาพที่ดี ที่สวยงาม คือจริงๆ คุณอาจจะนั่งยองๆ ในส้วมหลุม แต่ข้างหน้าส้วมเป็นสังกะสีเก๋ๆ คุณก็ยืนโพสกับมัน เราตั้งใจจะเล่าเบื้องหลังภาพที่พวกเราสร้าง เพราะมันคือความจริงที่เธอไม่อยากยอมรับ ซึ่งมันเกิดขึ้นกับคนในวัยเราลงไปเลย และครั้งแรกที่เอาโปสเตอร์ของงานมาแปะในเฟซบุ๊กก็มีคนมาคอมเมนต์ว่า ‘พี่…หนูรอวันนี้มานานมาก’ เราก็แบบ มีคนรอด้วยเหรอวะ (หัวเราะ) เขาคงไม่คิดว่าเราจะมาทำอะไรแบบนี้ ซึ่งตอนแรกเราคิดว่าตัวเองทำไม่ได้หรอก แล้วคนที่มาดูต้องเกลียดฉัน มันจะคุ้มไหมเนี่ย แต่พอทำๆ ไป เริ่มเขียนบทไป เออ ดีว่ะ มาตรฐานใจดีทีวีมาก (หัวเราะ)
คุณว่าสิ่งไหนในตัวคุณที่เป็นแรงบันดาลใจส่งต่อไปยังผู้ชมของคุณ และทำไมเราควรจะต้องไปดูโชว์ของคุณ
ในฐานะแจ้ของแฟนๆ (แฟนๆ ของปอนด์จะเรียกเธอว่าแจ้ อันมีที่มาจากคำว่า ‘เจ้’) แจ้รู้สึกว่าแจ้พูดความจริง และแจ้ก็ยังไม่ขายครีม (หัวเราะ) ยังไม่ขายยาชงลดความอ้วน แจ้คือคอนเทนต์ล้วนๆ คือตัวเราได้รายได้มาจากทางอื่นใช่ไหม เราก็เอาเงินตรงนั้นมาลงทุนกับการทำคลิป ทำไลฟ์ตรงนี้ เพราะฉะนั้นเรารู้สึกว่าระหว่างตัวเรากับผู้ชมของเรา มันไม่มีเรื่องของเงินมาเกี่ยวข้อง เราว่าคอนเทนต์ของจริงมัน priceless มันประเมินค่าไม่ได้ แต่มันคือการสื่อสารที่บริสุทธิ์ อย่างที่เราบอกว่ายุคนี้มันเป็นยุคของการสร้างภาพ แต่แจ้ก็คือแจ้ ผู้ชมเขาชื่นชมสิ่งนั้น และแจ้ก็ชื่นชมคนที่มาชื่นชมแจ้ด้วยเช่นกัน เพราะเราหน้าก็ไม่ได้สวย ดูดุ พูดจาแรง แต่คนเหล่านี้ก็ยังอยู่ด้วยกันมา เราเลยรู้สึกว่าคนพวกนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ
อาจเป็นเพราะศีลเสมอกัน?
ก็คงใช่ ศีลเสมอกันจริงๆ (หัวเราะ)
- ‘TALK SHOW หน้าสด ปอนด์ ยาคอปเซ่น’ คือทอล์กโชว์ครั้งแรกในชีวิตของ ปอนด์-ภริษา ยาคอปเซ่น พิธีกร และยูทูเบอร์ชื่อดังที่คันปากอยากเล่าเรื่องราวรอบตัวในแบบ ‘หน้าสด’ เปิดเผยแง่มุมที่แตกต่างของเรื่องราวส่วนที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน อย่างความเป็นมนุษย์ฟุ้งซ่านของผู้หญิง หรือเรื่องราวอันน่าจิกกัดในโลกออนไลน์ในอีกแง่มุมหนึ่งที่คุณอาจไม่เคยนึกถึง (หรือไม่อยากนึกถึงก็ตาม) เปรียบเสมือนการล้างเมกอัพแล้วเผยให้เห็นหน้าสดของเรื่องราวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นของเธอหรือของคุณเองก็ตาม
- เปิดการแสดงเพียงรอบเดียวเท่านั้นในวันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน 2561 เวลา 14.00 น. ณ ห้องออดิทอเรียม ชั้น 5 หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
- บัตรราคา 800 บาท (มีจำนวนจำกัด) สามารถหาซื้อบัตรได้แล้ววันนี้ที่ www.eventpop.me/e/3301