วันนี้ (19 เมษายน) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการลงนามคำสั่งให้ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กลับไปที่ต้นสังกัด หลังให้มาช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี ก่อนที่ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จะมีคำสั่งให้ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ กับพวกรวม 5 คน ออกจากราชการไว้ก่อน
โดยนายกฯ ระบุว่า 3-4 สัปดาห์ที่ผ่านมามีการตรวจสอบเรื่องนี้ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ ก็ได้มาพูดคุยกับตนเพื่อขอให้ส่งตัว พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ กลับต้นสังกัด เพื่อจะได้ไปดำเนินการ
ส่วนจะเกี่ยวข้องกับผลของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่นายกฯ ตั้งขึ้นหรือไม่นั้น นายกฯ ระบุว่า คณะกรรมการชุดนี้ยังตรวจสอบอยู่ มีอีกหลายเรื่องที่จะต้องตรวจสอบต่อ ทั้งในส่วนของ พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ แต่คำสั่งที่ออกมาเมื่อวานนี้เป็นคนละคดีกัน
ขณะที่ความคืบหน้าในการตรวจสอบของคณะกรรมการชุดดังกล่าว นายกฯ กล่าวว่า ไม่อยากไปกดดันกระบวนการยุติธรรม ไม่มีใครไปก้าวก่ายหรือเร่งรัดอะไร เข้าใจในความสามารถและความเป็นมืออาชีพของคณะกรรมการทั้ง 3 คน เพราะเป็นเรื่องที่สังคมจับตาอยู่
นายกฯ ยังตอบข้อซักถามถึงเหตุผลที่ให้ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ออกจากราชการไว้ก่อน เพราะเกรงว่ายังมีอิทธิพลอยู่และจะไปแทรกแซงคดีใช่หรือไม่ โดยระบุว่า เป็นไปตามที่ พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ บอก เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมและการตรวจสอบภายในของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มีการดำเนินการกันมา
ส่วนความคืบหน้ากรณีของ พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ ที่อาจถูกนำมาเปรียบเทียบกันกับกรณีของ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ก็เชื่อว่าแต่ละกรณีมีความแตกต่างกันไป เรามั่นใจในกระบวนการยุติธรรมว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะให้ความเป็นธรรมกับทุกท่าน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ในการเดินทางไปตรวจราชการที่จังหวัดภูเก็ตของนายกฯ ครั้งนี้ มี พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ และฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย หนึ่งในคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงคดีของ พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ และ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ร่วมเดินทางไปด้วย