×

นาฬิกาแบรนด์ไหนครองใจชาวจีนในปีที่ผ่านมา

30.03.2024
  • LOADING...

อย่างที่รู้กันว่าจีนคือลูกค้ารายสำคัญของตลาดสินค้าหรูหรา ทั้งเสื้อผ้า เครื่องสำอาง เครื่องประดับ รวมทั้งนาฬิกา โดยในปี 2023 ผู้ซื้อชาวจีนแผ่นดินใหญ่คิดเป็นเกือบ 30% ของยอดขายนาฬิกาสวิสทั่วโลก ตามรายงานล่าสุดโดย Morgan Stanley แล้ว นาฬิกาแบรนด์ไหนครองใจผู้บริโภคชาวจีน?

 

ตามรายงาน OMEGA คือแบรนด์ที่มียอดขายสูงสุดในจีน ตามมาด้วย Longines ที่ทำตลาดอย่างหนักในจีน และ Rolex แบรนด์นาฬิกาชั้นนำระดับโลก อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันผู้นำเข้านาฬิกาสวิสรายใหญ่ที่สุดในโลกคือสหรัฐอเมริกา โดยในช่วง 6 ปีที่ผ่านมามีการนำเข้าเพิ่มขึ้นที่ 13.3% และยอดขายขยายตัว 87% ในขณะที่จีนขยายตัวที่ 1.8% และมียอดขายสะสมเพิ่มขึ้น 9%

 

เหตุผลสำคัญที่ทำให้นาฬิกาสวิสค่อนข้างเติบโตช้าในจีน เพราะในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาแบรนด์หรูพยายามกระจายการเข้าถึงไปสู่ภูมิภาคอื่นๆ เพื่อลดการพึ่งพาจีน ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือนาฬิกาจาก Vacheron Constantin ซึ่งมียอดขาย 50% จากชาวจีนในปี 2017 แต่เมื่อเปลี่ยนทีมผู้บริหารในปีเดียวกันก็ค่อยๆ เปลี่ยนความสนใจไปที่สหรัฐอเมริกาและสวิตเซอร์แลนด์แทน โดยปัจจุบันยอดขายจากจีนคิดเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของยอดขายทั่วโลก

 

ในขณะที่ OMEGA แม้จะยังต้องพึ่งพาผู้บริโภคในจีนอยู่ แต่ก็พยายามแย่งส่วนแบ่งตลาดมากขึ้นในสหรัฐฯ ที่เป็นตลาดหลักของ Rolex โดยปัจจุบัน OMEGA พึ่งพายอดขายจากจีนประมาณ 29% ของยอดขายทั้งหมด ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งอย่าง Cartier ที่ 15% และ Rolex ที่ 12% ตามรายงานของ LuxeConsult บริษัทที่ปรึกษาในสวิตเซอร์แลนด์

 

 

ส่วนในกลุ่มนาฬิกาที่มีราคาย่อมเยาลงมาหน่อยอย่าง Longines มียอดขายทั่วโลกลดลง 6% ในปี 2022 ซึ่งมีนัยสำคัญหากพิจารณาจาก Longines ที่พึ่งพาจีนเกือบ 69% ของยอดขายทั่วโลก แต่เมื่อปีที่แล้วก็กลับมาได้รับความสนใจมากกว่าคู่แข่งโดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภคชนชั้นกลางชาวจีนในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว

 

แม้ว่าแบรนด์นาฬิกาหรูบางแบรนด์จะลดการพึ่งพาจีน แต่แบรนด์ที่พึ่งพาตลาดสหรัฐฯ อย่าง Breitling ก็กำลังมองมาที่ตลาดจีนเพื่อกระจายความหลากหลายของตลาดให้มากขึ้น โดยเมื่อ 4 ปีที่แล้วแบรนด์นี้มียอดจำหน่ายเพียงเล็กน้อยในจีน แต่ได้รับยอดขายรวมกัน 10% ของยอดขายทั่วโลกจากตลาดจีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกงในปีที่ผ่านมา

 

สินค้าหรูหราอื่นๆ เช่น กระเป๋า รองเท้า และเสื้อผ้า ถูกให้ความสำคัญมากกว่านาฬิกา โดยหมวดหมู่เหล่านี้มียอดขายเติบโตมากกว่า 30% ในประเทศจีน

 

นอกจากนี้ Bain & Company บริษัทที่ปรึกษาทางธุรกิจชื่อดัง และ Altagamma องค์กรด้านสินค้าหรูหราของอิตาลี ยังระบุด้วยว่า ผู้บริโภคชาวจีนจะกลายเป็นกลุ่มลูกค้าที่สำคัญที่สุดในตลาดสินค้าฟุ่มเฟือย คิดเป็น 35-40% ของตลาดทั้งหมดภายในปี 2030 ตามมาด้วยชาวอเมริกันในอันดับที่ 2 ที่ 22-24% และชาวยุโรปในอันดับที่ 3 ที่ 16-18% โดยจะเติบโตประมาณ 2.5 เท่าของขนาดในปี 2020

 

 

และเมื่อพิจารณาตามกลุ่มอายุ คนรุ่น Millennials จะครองตลาดสินค้าหรูหราด้วยส่วนแบ่งระหว่าง 50-55%, Gen Z อยู่ที่ 20-25% และ Gen Alpha เริ่มเข้ามามีบทบาทที่ 5% อย่างไรก็ตาม ตลาดสินค้าหรูหราจะเติบโตอย่างช้าๆ ในปีนี้ โดยจะเพิ่มขึ้นเพียง 1-4% เมื่อเทียบกับการเติบโตที่ 8% เมื่อปีที่แล้ว

 

ในปี 2023 การเปิดประเทศอีกครั้งของจีนได้สร้างแรงกระเพื่อมต่อยอดขายสินค้าหรูหราในเอเชีย โดยการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีน 65% กระจุกตัวอยู่ในเอเชีย เทียบกับ 40% ในยุโรป โดยญี่ปุ่นเป็นจุดหมายปลายทางหลักของการช้อปปิ้งของนักท่องเที่ยวจากค่าเงินเยนที่อ่อนตัว โดยในปีที่แล้วขนาดตลาดสินค้าหรูหราของจีนแผ่นดินใหญ่สูงถึง 5.6 หมื่นล้านยูโร สูงกว่าปี 2022 ถึง 12% โดยยุโรปในฐานะผู้นำตลาดโลกในปัจจุบันมีขนาดตลาด 1.02 แสนล้านยูโร

 

และหากย้อนไปในปี 2019 สินค้าหรูหราในจีนแผ่นดินใหญ่มียอดขายเพิ่มขึ้นเพียง 11% ในขณะที่ภูมิภาคลูกค้าหลักในปัจจุบันอย่างสหรัฐอเมริกาและยุโรปมียอดขาย 62% แต่ภายในปี 2030 ร้านแบรนด์เนมในจีนจะดึงดูดยอดขายได้มากถึง 27% จากแรงหนุนของการเปลี่ยนไห่หนานให้เป็นเกาะปลอดภาษีภายในปี 2025 ซึ่งอาจทำให้ยอดขายทั้งในอเมริกาและยุโรปลดลงเหลือ 46-50% แม้ว่าจะยังรักษาความเป็นศูนย์กลางการค้าสินค้าสุดหรูที่สำคัญระดับโลกก็ตาม 

 

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าในปีนี้การเติบโตของตลาดหรูหราในจีนอาจจะน้อยกว่าเมื่อปีที่ผ่านมา แต่คาดว่าน่าจะได้แรงสนับสนุนจากการเติบโตของ GDP ในจีนแผ่นดินใหญ่ที่ 4.2% เมื่อเทียบกับตลาดหลักอื่นๆ เช่น ยุโรป และสหรัฐอเมริกา ที่ GDP เติบโตน้อยกว่ามากที่ 1.4% และ 1.5% ตามลำดับ

 

อ้างอิง: 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X